ส่อง ธุรกิจมาแรง ในปี 2568 โอกาสทองสำหรับคนอยากเริ่มธุรกิจ
19
Aug 25

          ส่อง ธุรกิจมาแรง ในปี 2568 โอกาสทองสำหรับคนอยากเริ่มธุรกิจ สำหรับผู้ประกอบการ หรือผู้ที่กำลังมองหาลู่ทางสร้างธุรกิจของตนเอง การจับเทรนด์ และมองหาโอกาสใหม่ๆ ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ในปี 2568 นี้ มีหลายธุรกิจที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างน่าสนใจ การศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณคว้าโอกาสลงทุนและวางแผนธุรกิจ ได้อย่างแม่นยำ 

          บทความนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหา จะพาไปส่องธุรกิจมาแรง ปี 2568 พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ เพื่อเป็นแนวทางสู่เป้าหมายความสำเร็จทางธุรกิจของคุณกัน

 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2568 – 2570 จะเป็นอย่างไร?

          ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้อธิบายภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2568 ถึง 2570 ว่ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 2.8% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2567 แม้อัตราการเติบโตนี้จะยังไม่กลับไปแรงเหมือนช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แต่ก็มีปัจจัยบวกหลายประการที่จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าได้อย่างมั่นคง

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยโตขึ้น

  • ภาคการท่องเที่ยว : มีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนเกิดโควิด-19 ภายในปี 2568 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปีถัดไป ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ
  • การบริโภคภายในประเทศ : จะเติบโตขึ้นตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว และได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเที่ยวคนละครึ่ง 2568 โดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท/คืน/คน สำหรับค่าที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ ครอบคลุมทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง และ Digital Wallet ที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
  • การลงทุนภาคเอกชน : มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติมายังอาเซียน และไทย รวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ๆ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อาหารแห่งอนาคต พลังงานหมุนเวียน และธุรกิจสุขภาพ

ธุรกิจมาแรง ในปี 2568

ชวนเจาะลึก 3 กลุ่มธุรกิจในไทยที่น่าสนใจ ปี 2568

          จากข้อมูลการวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยพิจารณาจาก สถิติการจดทะเบียน ผลประกอบการ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และเทรนด์ต่างๆ สามารถแบ่งกลุ่ม ธุรกิจมาแรง ในปี 2568 ที่น่าจับตามองออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

 

กลุ่มที่ 1 : กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์

          กลุ่มธุรกิจนี้ ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้ชีวิต การสร้างความสุข และการดูแลสุขภาพกายใจของผู้คนในยุคปัจจุบัน ที่ต้องเผชิญกับความเครียด และสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 

ธุรกิจการท่องเที่ยว และกิจกรรมในครอบครัว 

          ธุรกิจกลุ่มนี้ยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจในปี 2568 ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และกิจกรรมสำหรับครอบครัว เพราะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด-19 ที่กำลังฟื้นตัวอย่างชัดเจน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถือเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ รัฐบาลยังเดินหน้าเต็มกำลังในการส่งเสริมนโยบายท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น “Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025” และผลักดัน Soft Power ของไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เทศกาล หรือหัตถกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้จะสร้างความต้องการมหาศาลให้กับธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว จากสถิติการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในกลุ่มนี้ในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นถึง 7.38% และมีมูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 16.23% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่านี่คือ ธุรกิจน่าสนใจ 2568 ที่ไม่ควรมองข้าม

 ธุรกิจ Health & Wellness

          ธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงพยาบาล คลินิกเฉพาะทาง ทันตกรรม กายภาพบำบัด ไปจนถึงบริการดูแลสุขภาพอื่นๆ เป็นอีกหนึ่งในธุรกิจมาแรงที่น่าจับตามองด้วยเหตุผลหลายประการ

  • ประการแรก : นโยบายของภาครัฐที่มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามารับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ และราคาที่แข่งขันได้
  • ประการที่สอง : การที่ประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลกกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการบริการด้านสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • ประการที่สาม : เทรนด์การใส่ใจสุขภาพที่กำลังบูมขึ้นทั่วโลก ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพมากขึ้น

ธุรกิจสัตว์เลี้ยง

          ธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยง การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ และคลินิกรักษาสัตว์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจมาแรงที่น่าจับตามองในปี 2568 โดยปัจจัยสำคัญมาจากค่านิยม “Pet Humanization” ที่ทำให้เจ้าของมองสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงอีกต่อไป พวกเขาจึงพร้อมที่จะทุ่มเทค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างเต็มที่ ตั้งแต่การเลือกอาหารเกรดพรีเมียม ของเล่น เสื้อผ้า บริการกรูมมิ่ง ไปจนถึงการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานสูง เทรนด์นี้ยังรวมถึงการเลี้ยงสัตว์หลากหลายชนิดมากขึ้น ไม่จำกัดแค่สุนัข และแมว

          ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นจากจำนวนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่จัดตั้งใหม่ และรายได้รวมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ธุรกิจนี้มีกำไรสุทธิถึง 5,310.31 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และโอกาสในการเติบโตอีกมากในอนาคต

ธุรกิจเกี่ยวกับความเชื่อ (มูเตลู)

          ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ ความศรัทธา เครื่องราง ของขลัง หรือบริการพยากรณ์ต่างๆ ยังคงเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสภาวะสังคมที่ผู้คนเผชิญกับความไม่แน่นอน และความเครียด ทำให้มีความต้องการที่พึ่งทางใจมากขึ้น

          นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีแนวคิดที่จะส่งเสริมธุรกิจกลุ่มนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่มีความเชื่อ และความศรัทธา สถิติการจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในกลุ่มนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความนิยมที่ไม่เคยหายไป

 ธุรกิจผลิตภาพยนตร์

          ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ การตัดต่อ บริการด้านกราฟิก แอนิเมชัน และการสอนการแสดง กลับมาเป็นธุรกิจมาแรงอีกครั้งในปี 2568 หลังได้รับแรงหนุนสำคัญจากนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และคอนเทนต์ของไทยให้ก้าวสู่ตลาดโลก

          มีการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในด้านการตลาด การพัฒนาบุคลากร และศักยภาพการผลิต การจับคู่ธุรกิจกับผู้ผลิต และผู้ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ ทำให้คอนเทนต์ไทยมีโอกาสเผยแพร่ไปในหลายแพลตฟอร์ม และเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างขึ้น

          ความสำเร็จของภาพยนตร์ และซีรีส์ไทยหลายเรื่องในระดับนานาชาติเองก็เป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เห็นได้จากมูลค่าทุนจดทะเบียนของธุรกิจจัดตั้งใหม่ในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นถึง 92.86% ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

 ธุรกิจปรับปรุง และตกแต่งอาคาร

          ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน และรับเหมาซ่อมแซมอาคาร ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้คนมีแนวโน้มปรับปรุงที่อยู่อาศัยเดิมแทนการซื้อใหม่ เพราะทำเลที่ตั้งเดิมยังคงตอบโจทย์ หรือเพื่อปรับปรุงอาคารสำหรับใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือที่พัก

          ความต้องการนี้เห็นได้ชัดจากรายได้รวมในปี 2566 ที่เพิ่มขึ้นถึง 12.97% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 โดยเฉพาะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้

 

กลุ่มที่ 2 : กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม และเทคโนโลยี

          ในยุคที่โลกก้าวสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้คน

 

ธุรกิจ Data Center และ Software

          ธุรกิจที่ครอบคลุมการพัฒนาซอฟต์แวร์สำเร็จรูป บริการ Data Center การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเว็บไซต์ เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นธุรกิจที่น่าสนใจมาก โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญมาจากการที่ทุกภาคส่วน ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต ภาคบริการ ภาครัฐ รวมถึงชีวิตประจำวันของผู้คน ต่างพึ่งพาข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นอย่างมหาศาล

          การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน กลายเป็นเรื่องปกติในทุกวันนี้ ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (Data Center) การประมวลผลข้อมูลที่รวดเร็วและปลอดภัย และซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมของธุรกิจนี้มีการเติบโตกว่า 85% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเลย

ธุรกิจ E-Commerce

          ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ แพลตฟอร์มตลาดกลาง (Marketplace) และธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ที่เกี่ยวข้อง ยังคงเป็นธุรกิจมาแรงที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ตลาดยังมีพื้นที่ให้เติบโตได้อีกมาก เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่คุ้นเคย และนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ กลายเป็น New Normal ไปแล้ว ความสะดวกสบาย ความหลากหลายของสินค้า และโปรโมชั่นที่น่าดึงดูดใจ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้ไม่เคยหยุดเติบโต

          สถิติการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในกลุ่มนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และรายได้รวมในปี 2566 ที่สูงถึง 279,787.83 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังคงแข็งแกร่ง และเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้น หรือขยายธุรกิจในปี 2568

 

กลุ่มที่ 3 : กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ

          ธุรกิจยุคใหม่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ

ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจ

          ธุรกิจสำนักงานบัญชี ธุรกิจสำนักงานกฎหมาย และบริการ Outsource ด้านต่าง ๆ กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (SMEs) ที่อาจมีทรัพยากรจำกัด ธุรกิจประเภทนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ “ลดภาระงานที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก” (Non-core functions) เช่น งานบัญชี งานกฎหมาย งานบุคคล หรืองานการตลาดดิจิทัล ทำให้สามารถโฟกัสไปที่การพัฒนาสินค้า บริการมากขึ้น

          การเติบโตของธุรกิจจัดตั้งใหม่ในกลุ่มนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบริการเหล่านี้ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของภาคธุรกิจ จึงนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจมาแรงที่น่าจับตามองในปี 2568

ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม

          ธุรกิจที่ครอบคลุมบริการให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม การวิจัยและพัฒนา รวมถึงบริการเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต กำลังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจในอนาคตอย่างยิ่ง

          สาเหตุหลักมาจาก “กระแสความตื่นตัวด้านปัญหาสิ่งแวดล้อม” ทั่วโลก ทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ และการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติ ทำให้เกิดแรงกดดันให้ภาคธุรกิจต้องดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ และยั่งยืนมากขึ้นตามหลัก ESG (Environmental, Social และ Governance)

          ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถวางแผนและดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล กฎระเบียบของภาครัฐ และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงการช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ เช่น ตลาดคาร์บอนเครดิต หรือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

          จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในกลุ่มนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 88.83% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับสองปีก่อนหน้า ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจนี้ และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า นี่คือธุรกิจที่น่าสนใจในอนาคตอย่างแท้จริง

 

          Property4Cash เงินด่วนอสังหา แนะนำ : สินเชื่อเพื่อคนทำธุรกิจ Property4Cash เงินด่วนอสังหา อนุมัติวงเงินสูง เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ เปิดการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การมีเงินทุนที่เพียงพอสำหรับเริ่มต้นกิจการ หรือขยายกิจการก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาแหล่งเงินทุน เพื่อคว้าโอกาสจาก ธุรกิจมาแรง ในปี 2568 หรือต้องการเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจในปัจจุบัน Property4Cash เงินด่วนอสังหา ขอแนะนำ “สินเชื่อโฉนดแลกเงิน” สินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ SME โดยเฉพาะ

จุดเด่นของสินเชื่อโฉนดแลกเงิน Property4Cash เงินด่วนอสังหา :

  • วงเงินสูงสุดถึง 100 ล้านบาท รองรับความต้องการทางการเงินของธุรกิจได้อย่างเต็มที่
  • ให้ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75%
  • ไม่ใช้คนค้ำ
  • ไม่เช็คเครดิตบูโร
  • ไม่มีนโยบายยึดทรัพย์ พร้อมเมื่อไหร่ก็มาไถ่ถอนคืนได้เสมอ
  • ใช้บ้าน คอนโด อาคารพาณิชย์ และอสังหาอื่นๆ มาเป็นหลักประกัน
  • ตอบโจทย์ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล

 

หมายเหตุ:เงื่อนไขและการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด สามารถศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้จากสื่อต่างๆ  ของบริษัทได้ที่…

 


Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

ลงทุนขายฝาก ดีกว่าซื้อไว้ปล่อยเช่ายังไง
3
Mar 23
ลงทุนขายฝาก ดีกว่าซื้อไว้ปล่อยเช่ายังไง

ลงทุนขายฝาก รับจำนอง เป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 15% ต่อปีได้ แต่เป็นการลงทุนที่หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นหูนัก เพราะเมื่อนึกถึงการลงทุนอสังหาฯ แล้ว มันคุ้นชินกับการซื้อมาเก็บไว้เก็งกำไร หรือซื้อมาเพื่อปล่อยเช่าเสียมากกว่า วันนี้เราลองมาดูกันว่า การลงทุนในอสังหาฯ อย่างการซื้อมาปล่อยเช่า และ ลงทุนรับจำนอง-ขายฝาก  แตกต่างกันอย่างไรบ้าง และอะไรดีกว่ากัน ? ลงทุนขายฝาก vs ซื้อไว้ปล่อยเช่า การลงทุนขายฝาก รับจำนอง และ การซื้อไว้ปล่อยเช่า ต่างก็เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดเข้าบัญชีเราทุกเดือนได้เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดอยู่มาก ผลตอบแทนต่อปี ซื้อไว้ปล่อยเช่า : มีผลตอบแทนอยู่ที่ 6-8% ต่อปี ลงทุนขายฝาก – จำนอง : มีผลตอบแทนอยู่ที่ 15% ต่อปี การลงทุน ซื้อไว้ปล่อยเช่า ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้าน หรือว่าที่ดินนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5-8% ต่อปี กล่าวคือหากเราซื้อคอนโดมาราคา 2,000,000 บาท แล้วปล่อยเช่าได้ในราคาประมาณ 8,000 – 13,000 บาท / เดือน เท่ากับว่าเราจะได้ค่าเช่าปีละประมาณ 100,000 – 160,000 บาท ส่วนการลงทุน ร […]

อ่านเพิ่มเติม
12
May 23
วิธีรับมือหนี้บ้าน ในช่วงดอกเบี้ยอสังหาขาขึ้น

เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมาทุกคนน่าจะได้ยินข่าวคราวการปรับขึ้นของ “ดอกเบี้ยนโยบาย” กันไปบ้างแล้ว ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายนั้น คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ที่ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในประเทศทั้งหมด ดังนั้น เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลกระทบโดยตรง กับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจไม่มากก็น้อย ซึ่งในที่สุดแล้วย่อมส่งผลมาถึงภาระการผ่อนบ้าน กล่าวคือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านก็จะสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเราจะมีวิธีไหนมาช่วยลดภาระ ดอกเบี้ยอสังหา ได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจคำว่า “ดอกเบี้ยบ้าน” กันก่อนดีกว่าค่ะ โดยธนาคารแห่งประเทศได้ให้คำจำกัดความของ “ดอกเบี้ยบ้าน” หมายถึง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม คอนโด อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ที่ดิน โดยจะแบ่งการคำนวณดอกเบี้ยเป็น 2 รูปแบบคือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดตัวเลขเฉพาะตลอดอายุสัญญาเงินกู้ หรือในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะไม่ขึ้นหรือลงตามสภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate) อ […]

อ่านเพิ่มเติม
การประเมินราคาทรัพย์สิน
31
Jul 25
การประเมินราคาทรัพย์สิน คืออะไร?

            การประเมินราคาทรัพย์สิน (Property Valuation) คือ กระบวนการวิเคราะห์และกำหนดมูลค่าของทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร บ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม หรือทรัพย์สินเชิงพาณิชย์ โดยนักประเมินวิชาชีพที่ได้รับการรับรอง กระบวนการนี้มีบทบาทสำคัญในหลายด้าน ทั้งการซื้อขายทรัพย์สิน การขอสินเชื่อ การจัดทำบัญชีทรัพย์สิน หรือการแบ่งมรดก ทำไมต้องประเมินราคาทรัพย์สิน? การประเมินมูลค่าทรัพย์ช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เช่น ผู้ซื้อ/ผู้ขาย : ทราบราคาที่เหมาะสมก่อนตกลงซื้อขาย สถาบันการเงิน : ใช้ประกอบการอนุมัติสินเชื่อ นักลงทุน : วิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุน หน่วยงานรัฐ : ใช้ในกระบวนการเวนคืนหรือจัดเก็บภาษี ศาลหรือทนาย : ใช้ในคดีความที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน วิธีการประเมินราคาทรัพย์สิน หลักๆ แล้วมี 3 วิธี ดังนี้ วิธีเปรียบเทียบตลาด (Market Approach) เปรียบเทียบกับราคาซื้อขายของทรัพย์ที่ใกล้เคียงในตลาด วิธีต้นทุน (Cost Approach) ประเมินจากต้นทุนการสร้างใหม่ ลบด้วยค่าเสื่อมราคาของทรัพย์ วิธีรายได้ (Income Approach) ใช้สำหรับทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยอ้างอิงจากรายได้ที่ทรัพย์ […]

อ่านเพิ่มเติม