28
Oct 25

อัพเดทข้อตกลง MOU ไทย-สหรัฐ ใครได้เปรียบ? 

               เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เว็บไซต์ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดฉบับเต็มของ “บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน” มีรายละเอียด ดังนี้

 

รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลไทย (ต่อไปนี้เรียกว่า “ภาคี”)

               แสวงหาความร่วมมือในการกำกับดูแลภาคทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศ และส่งเสริมการค้าและการลงทุน เพื่อยกระดับการบูรณาการของไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้

               โดยคำนึงถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์อันยาวนานด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองภาคี ตลอดจนความสำคัญของการส่งเสริมการค้าและการลงทุนเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนา

               ตระหนักถึงความสำคัญของตลาดที่มีความมั่นคง หลากหลาย คล่องตัว และเป็นธรรมสำหรับห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุที่มีความสำคัญ เพื่อสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การนำไปใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม รวมทั้งการนำกลับมาใช้ซ้ำและการรีไซเคิล

 

               นอกจากนี้ ยังตระหนักถึงประโยชน์ร่วมกันในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างคู่ภาคี เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและทรัพยากรร่วมกัน

เน้นย้ำความสำคัญของการส่งเสริมโอกาสด้านการสกัด การแปรรูป และการรีไซเคิลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในระดับสูงสุด

               รับทราบถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางเทคนิค กฎระเบียบ นโยบาย การดำเนินงาน และการบริหารจัดการในภาคทรัพยากรแร่ของทั้งสองประเทศ

               ประสงค์ที่จะเสริมสร้างการค้าและการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญระหว่างรัฐภาคี เพื่อให้มั่นใจว่าอุปทานแร่งธาตุสำคัญโลกจะมีแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคง เชื่อถือได้ เพื่อให้สามารถสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรม

               เชื่อว่า… ความร่วมมือระหว่างรัฐภาคีจะก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการสร้างเงื่อนไขการลงทุนที่มั่นคง เพิ่มความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทาน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจในด้านการสำรวจ พัฒนา แปรรูป และการใช้ประโยชน์จากแร่ธาตุสำคัญ

  1. ภาพรวมของข้อตกลงล่าสุด

               ในวันที่ 26 ตุลาคม 2025 มีการลงนามข้อตกลงหลายประการระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือ Memorandum of Understanding (MOU) Cooperation to Diversify Global Critical Minerals Supply Chains and Promote Investments ซึ่งครอบคลุมการร่วมมือด้าน “ห่วงโซ่แหล่งแร่ธาตุสำคัญ (critical minerals)” ตั้งแต่การสำรวจ แร่ การแปรสภาพ ไปจนถึงการรีไซเคิล
นอกจากนี้ ยังมีการทำกรอบข้อตกลงด้านการค้า (trade framework) ระหว่างไทย-สหรัฐ ที่ไทยตกลงจะลดอุปสรรคด้านภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐได้ถึงประมาณ 99 % และสหรัฐยินดีพิจารณาปรับลดภาษีไทยบางสินค้า

 

  1. ใครได้ประโยชน์?
  • สำหรับประเทศไทย 
    • โอกาสเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตแร่ธาตุที่มีมูลค่าสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด ทำให้ไทยสามารถดึงการลงทุนเข้าประเทศและเพิ่มมูลค่าในประเทศได้ 
    • การเปิดตลาดการค้ากับสหรัฐที่มีศักยภาพมากขึ้น โดยสินค้าสหรัฐอาจเข้ามาในไทยได้มากขึ้น และในทางกลับ ไทยอาจได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและมาตรฐาน 
  • สำหรับสหรัฐอเมริกา 
    • ได้แหล่งแร่ธาตุและวัสดุสำคัญจากไทย ซึ่งมีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ เพราะสหรัฐต้องการลดการพึ่งพาจีน 
    • ได้ขยายตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรในไทย ขณะที่ไทยลดอุปสรรคทางการค้าสำหรับสินค้าสหรัฐ 
  1. ใครอาจได้เปรียบมากกว่า?

               ถ้าวิเคราะห์อย่างจริงจัง สหรัฐอเมริกา มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ได้เปรียบมากกว่า

  • ไทยอาจ “ต้องปล่อย” ให้สหรัฐเข้าไปในห่วงโซ่แร่ของไทย พร้อมทั้งอาจมีข้อผูกมัดในอนาคตที่ทำให้ไทยต้องปรับตัวมากขึ้น 
  • สหรัฐกำลังมีความเร่งด่วนทางยุทธศาสตร์ในการหาทางเลือกจากจีน ทำให้มีแรงผลักดันสูงและมองว่าภาคไทยมีศักยภาพอยู่แล้ว 
  • ไทยแม้จะได้โอกาส แต่ต้องบริหารความเสี่ยง เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม มาตรฐานการดำเนินงาน และอาจสูญเสียโอกาสในการต่อรอง 
  1. ความเสี่ยงที่ไทยต้องระวัง
  • มีเสียงเตือนว่าไทยอาจตกอยู่ในสถานะ “ผู้กระทำตาม” มากกว่า “ผู้ตั้งเงื่อนไข” หากข้อตกลงถูกขยายเป็นสัญญาผูกมัดเฉพาะกับสหรัฐ อาจทำให้ไทย “จองจำ” อยู่กับสหรัฐจนขาดโอกาสต่อรองจากคู่ค้ารายอื่น เช่น จีน
  • ด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้พื้นที่ แร่ธาตุอาจส่งผลกระทบต่อชุมชน/สิ่งแวดล้อมในไทย หากไม่มีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวด 
  • ไทยอาจถูกลากเข้าสู่ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐ-จีน หากตกอยู่ฝั่งเดียวโดยไม่มีความหลากหลายทางพันธมิตร 

 

  1. ข้อเสนอแนะสำหรับไทย เพื่อให้ได้เปรียบ
  • ไทยควรต่อรองให้มี เงื่อนไขเปิด (open, non-exclusive) ในการร่วมมือกับหลายประเทศ ไม่ใช่จำกัดแค่สหรัฐ 
  • ให้ความสำคัญกับ ความโปร่งใส และมาตรฐานสิ่งแวดล้อม/แรงงาน เพื่อให้โครงการมีความยั่งยืน 
  • เตรียมโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ เช่น การแปรสภาพแร่ การรีไซเคิล การส่งเสริมเทคโนโลยี ให้ไทยได้มูลค่าเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่เป็นแหล่งแร่ดิบ 
  • ไทยควรใช้โอกาสนี้ในการ ยกระดับเจรจาทางการค้าและการลงทุนให้ได้เงื่อนไขที่ดี เช่น เทคโนโลยีถ่ายทอด สิทธิประโยชน์การลงทุน 

 

               สรุปส่งท้าย ข้อตกลงล่าสุดMOU ไทย-สหรัฐ ถือเป็นโอกาสใหญ่สำหรับไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไทยได้เปรียบโดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับว่าไทยจะ จัดการความเสี่ยง และ ใช้โอกาสอย่างชาญฉลาด หรือไม่ หากไทยบริหารดี ก็มีโอกาสได้เปรียบ แต่หากยืนอยู่เฉย “ผู้ได้เปรียบจริงๆ” อาจเป็นสหรัฐมากกว่า

 


Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

5
Nov 25
ทำไมการใช้ หลักทรัพย์ค้ำประกัน ถึงได้วงเงินสูง?

ทำไมการใช้ หลักทรัพย์ค้ำประกัน ถึงได้วงเงินสูง? รวมทั้งชวนเจาะลึก 3 ปัจจัยหลัก                 ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า… การที่ธนาคารหรือนายทุนจะอนุมัติวงเงินให้สูง หลักแสน หลักล้าน ถ้าไม่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนะคะ…                 สาเหตุที่ทำให้การใช้หลักทรัพย์เข้ามาค้ำประกัน แล้วได้วงเงินสูงมีดังนี้   ความเสี่ยงต่ำ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ให้กู้อนุมัติวงเงินสูง เมื่อมีบ้านหรือที่ดินค้ำไว้ ผู้ให้กู้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดคิด ยังสามารถนำทรัพย์นั้นไปชำระหนี้ได้ ดังนั้นจึงกล้า “ปล่อยวงเงิน” สูงกว่าการกู้แบบไม่มีหลักประกัน (Personal Loan) หลายเท่า เช่น กู้ส่วนบุคคล (ไม่มีหลักทรัพย์) → วงเงินสูงสุดประมาณ 3–5 เท่าของรายได้ กู้แบบมีหลักทรัพย์ → วงเงินสูงสุดถึง 70–100% ของราคาประเมินทรัพย์ มูลค่าหลักประกัน นับเป็น Collateral Value ที่มั่นคง และจับต้องได้ บ้าน ที่ดิน คอนโด มีมูลค่าตลาดที่ชัดเจน และมักจะไม่ลดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนรถยนต์หรือทรัพย์สินอื่นๆ  การประเมินราคา ผู้ให้กู้จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาประเมินมูลค่าตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นตัวกำหนด […]

อ่านเพิ่มเติม
ขอรังวัดที่ดิน ต้องทำอย่างไรบ้าง?
8
Dec 23
ขอรังวัดที่ดิน ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เมื่อเจ้าของที่ดินมีความจำเป็นต้องยื่นเรื่อง ขอรังวัดที่ดิน กับเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ไม่ว่าจะเป็น ต้องการทราบขนาดแปลงที่ดิน เขตแดนอยู่ตรงบริเวณไหน? มีปัญหาที่ดินทับซ้อนกับที่ดินของใครหรือไม่ อย่างไร? ราคารังวัดที่ดินต้องจ่ายกี่บาท? รวมถึงมีหลักเกณฑ์คิดค่าบริการรังวัดอย่างไร? ยึดจากขนาดพื้นที่หรืออื่นๆ? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนแล้วค่ะ ในการ ขอรังวัดที่ดิน กับทางรัฐ  สามารถเดินทางไปยังสำนักงานที่ดินแห่งนั้นกันได้เลยค่ะ เมื่อเดินทางไปถึงแล้วสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้ได้เลยค่ะ ให้เจ้าของที่ดินรอรับบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เตรียมชำระเงินค่าธรรมเนียม “การขอ” หลังจากแจ้งรับคำขอสอบสวน เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งฝ่ายรังวัดเข้ามาดำเนินการ จากนั้นจะแจ้งนัดวันทำการรังวัดพร้อมกำหนดตัวช่างรังวัดและเงินมัด จำสำหรับรังวัดที่ดินซึ่งทางผู้ร้องขอต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้เสมอ ทางกรมที่ดินจะเริ่มต้นค้นหารายชื่อผู้มีกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินข้างเคียง จากนั้นพิมพ์หนังสือเพื่อแจ้งให้ผู้ร้องขอรังวัดขนาดที่ดินทราบ เจ้าของที่ดินที่เป็นผู้ดำเนินเรื่องร้องขอรังวัดที่ดินจะได้รับหนังสือแจ้งข้างเคียงจากกรมที่ด […]

อ่านเพิ่มเติม
TM30 ปล่อยเช่าชาวต่างชาติต้องรู้ ฉบับอัปเดต ถ้าไม่อยากเสียค่าปรับ!!
22
Feb 24
อัพเดทการยื่น TM30 ปล่อยเช่าชาวต่างชาติต้องรู้ ถ้าไม่อยากเสียค่าปรับ!!

ทันทีที่ผู้เช่าชาวต่างชาติเข้าห้องพักที่คุณปล่อยเช่า คุณอาจคิดว่าหน้าที่ในฐานะของเจ้าบ้านได้เสร็จสิ้นลงแล้ว แต่ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะ เพราะสิ่งที่ต้องทำในขั้นตอนต่อไปก็คือการแจ้ง ‘ TM30 ’ หรือ การแจ้งข้อมูลของลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาพักในห้องของเรา ให้กับที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง หรือสถานีตำรวจในท้องที่ ได้รับทราบ ตามพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522   การแจ้ง TM30 หรือ ตม. 30 นี้ ไม่ว่าใครที่ประกอบกิจการโรงแรม เกสเฮ้าส์ แมนชั่น อพาร์ตเม้นท์ สถานประกอบการ หรือบ้านเช่า ก็ต้องทำการแจ้งว่ามีชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย ‘ภายใน 24 ชั่วโมง’ นับจากเวลาเข้าพัก และที่สำคัญก็คือ ชาวต่างชาติผู้นั้นต้องได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ต้องผ่านการตรวจเข้าเมืองตามกฎหมาย ต้องเข้ามาประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งหากเจ้าของห้องท่านใดไม่ปฎิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นั่นเองค่ะ   สำหรับในส่วนของวิธีการแจ้ง ตม. 30 นั้น สามารถทำได้ 3 วิธี คือ •  นำเอกสารมาแจ้งด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้ผุ้อื่นนำเอกสารมาแจ้ง แจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แจ้งทางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต(Inte […]

อ่านเพิ่มเติม