16
Feb 23

ถนน ทางสัญจร ที่เราใช้สัญจร อย่างเป็นปกติตลอดการอยู่อาศัยของเรานั้น บางที่บางแห่ง แท้จริงแล้ว
อาจจะไม่ใช่ถนนสาธารณะ ที่ทุกคนมีสิทธิ์ในการใช้ หรือเป็นเจ้าของร่วมกัน อย่างที่เราเข้าใจก็ได้นะ
ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไร ทีม Landthaimart เราจะพาไปรู้จักวิธีตามหาความจริงกันค่ะ

ก่อนอื่น ในบทความนี้ จะขออนุญาตแบ่งกรรมสิทธิของถนนเป็น 2 ประเภทก่อน เพื่อความเข้าใจง่ายๆ
1.ถนนสาธารณะ

ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าสาธารณะ ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ มีงบประมาณของแผ่นดิน จากภาษีของประชาชนเข้ามาบำรุงดูแลรักษา
ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ ดูแล ปกป้อง ถนนสาธารณะร่วมกัน การเช็คว่าเป็นสาธารณะหรือไม่ จะกล่าวถึงละเอียดต่อไป
บางครั้งเราจะเห็นป้ายหน้าปากซอย ที่เป็นงบประมาณของเขต ติดตั้งอยู่ ก็ไม่ได้แสดงว่า ถนน ซอย นี้ เป็นสาธารณะเสมอไป
บางครั้ง มีไว้เพื่อเป็น landmark เพื่ออำนวยความสะดวก ต่อการเดินทาง การบอกจุดหมาย การขนส่ง เท่านั้น
หากในอนาคตถนนนี้ (ส่วนบุคคล) ที่มีป้ายถนนติดชื่อยู่ มีการซื้อไปเพื่อพัฒนาเป็นโครงการอื่นๆ มีการพิสูจน์สิทธิ์แล้วว่า
เป็นที่ดินส่วนบุคคลจริง ป้ายซอย หรือป้ายชื่อถนนแบบนี้ ก็สามารถที่จะถูกรื้อถอนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ ถ้าเจ้าของกรรมสิทธิ์มีการเดินเรื่องให้รื้อถอน

 

2.ถนนส่วนบุคคล

คือ ถนนที่มีเจ้าของ มีชื่อตามกรรมสิทธิ์อยู่หลังโฉนด เป็นเจ้าของได้ในรูปแบบนิติบุคคล บริษัท หรือ บุคคลธรรมดาก็ได้ทั้งหมด
ถนนส่วนบุคคลบางแห่งก็เปิดเผยให้คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เจ้าของใช้สัญจรได้ตามปกติ หรือบางแห่งมีการเก็บค่าผ่านทางแสดงความมีเจ้าของอย่างชัดเจน
มีชื่อซอยที่แสดงว่าเป็นส่วนบุคคลอย่างชัดเจน บางแห่งให้ใช้ได้เลยฟรีๆ เหมือนของสาธารณะ ทั้งๆ ที่ถนนเส้นนี้เป็นโฉนด มีชื่อแสดงความเป็นเจ้าของอยู่หลังโฉนด
ถนนส่วนบุคคลบางแห่งก็มีสภาพตามงบประมาณของเจ้าของ บางแห่งก็มีสภาพทางกายภาพ มีการบำรุงรักษาอย่างดี เทคอนกรีต มีฟุตบาท มีท่อระบายน้ำ
ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยลักษณะกายภาพได้เลย ว่าเป็นสาธารณะหรือส่วนบุคคลกันแน่

 

เราเลยจะมาบอกวิธีเช็คให้รู้ความจริงกันไปเลย

  1. เริ่มจาก ดูหน้าโฉนด ของแปลงที่ดินของเราเองก่อน ว่าหน้าแผนที่ติดถนนสาธารณประโยชน์หรือไม่
  2. ตรวจจากระวางกรมที่ดิน
    ในระวางที่ดิน สามารถระบุสเตตัสถนนได้ว่า ถนนนั้นมีเลขที่ดิน กำกับอยู่ แสดงว่าเป็นส่วนบุคคล หรือ ระบุชัดๆ ไปเลยว่าเป็นถนนสาธารณประโยชน์
    หรือ เป็นคลองสาธารณประโยชน์ (ถนนบางเส้นในอดีตเป็นคลอง สภาพปัจจุบัน แปรเปลี่ยนเป็นถนน) บุคคลทั่วไปสามารถยื่นคำร้องขอตรวจสอบระวาง
    ในฐานะที่เป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในที่ดินนั้นๆ เพื่อขอทราบสเตตัสของถนนได้ ที่สำนักงานที่ดิน มีค่าธรรมเนียมคำร้อง และค่าคัดถ่ายเอกสาร

แถมต่อให้อีกนิด การที่เราอยากจะทราบขนาดถนนอย่างเป็นทางการ ตามขนาดที่ระบุในระวางนั้น สามารถวัดสเกลได้จากระวางมาตฐาน แล้วเทียบมาตราส่วน
การดึงสายวัดเอง จากหน้าที่ดิน สามารถระบุขนาดของเขตทางและผิวจราจร ได้อย่างคร่าวๆ เท่านั้น  ไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างทางการได้
การจะใช้เอกสารความกว้างถนนเพื่ออ้างอิงทางการนั้น ต้องรังวัดโดยช่างรังวัดของกรมที่ดิน และต้องยื่นการรังวัดสอบเขตตามกระบวนการของรัฐเท่านั้น

หากสนใจลงทุนจำนอง ขายฝาก Property4cash ยินดีให้คำปรึกษา

สนใจจำนอง-ขายฝาก หรือปรึกษาปัญหา ติดต่อเราได้ทาง

Line: @Property4Cash
โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash
ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

 

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

ลงทุนขายฝาก ดีกว่าซื้อไว้ปล่อยเช่ายังไง
3
Mar 23
ลงทุนขายฝาก ดีกว่าซื้อไว้ปล่อยเช่ายังไง

ลงทุนขายฝาก รับจำนอง เป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทหนึ่ง ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 15% ต่อปีได้ แต่เป็นการลงทุนที่หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นหูนัก เพราะเมื่อนึกถึงการลงทุนอสังหาฯ แล้ว มันคุ้นชินกับการซื้อมาเก็บไว้เก็งกำไร หรือซื้อมาเพื่อปล่อยเช่าเสียมากกว่า วันนี้เราลองมาดูกันว่า การลงทุนในอสังหาฯ อย่างการซื้อมาปล่อยเช่า และ ลงทุนรับจำนอง-ขายฝาก  แตกต่างกันอย่างไรบ้าง และอะไรดีกว่ากัน ? ลงทุนขายฝาก vs ซื้อไว้ปล่อยเช่า การลงทุนขายฝาก รับจำนอง และ การซื้อไว้ปล่อยเช่า ต่างก็เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดเข้าบัญชีเราทุกเดือนได้เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดอยู่มาก ผลตอบแทนต่อปี ซื้อไว้ปล่อยเช่า : มีผลตอบแทนอยู่ที่ 6-8% ต่อปี ลงทุนขายฝาก – จำนอง : มีผลตอบแทนอยู่ที่ 15% ต่อปี การลงทุน ซื้อไว้ปล่อยเช่า ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้าน หรือว่าที่ดินนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว จะมีผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5-8% ต่อปี กล่าวคือหากเราซื้อคอนโดมาราคา 2,000,000 บาท แล้วปล่อยเช่าได้ในราคาประมาณ 8,000 – 13,000 บาท / เดือน เท่ากับว่าเราจะได้ค่าเช่าปีละประมาณ 100,000 – 160,000 บาท ส่วนการลงทุน ร […]

อ่านเพิ่มเติม
ยื่นสินเชื่อไม่ผ่าน ต้องการใช้เงินด่วน ทำยังไงดี???
25
Sep 24
ยื่นสินเชื่อธนาคารไม่ผ่าน ต้องการใช้เงินด่วน ทำยังไงดี???

ยื่นสินเชื่อไม่ผ่าน ทำให้หลายคนรู้สึกหมดหนทาง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการเงินด่วนเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังมีหลากหลายทางเลือกที่สามารถช่วยให้คุณได้รับเงินที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย บทความนี้จะแนะนำวิธีการและแนวทางในการหาเงินด่วนเมื่อธนาคารปฏิเสธคำขอสินเชื่อของคุณ” ในปัจจุบันนี้หลายๆคนทั้ง บุคคลทั่วไป พนักงานบริษัท หรือเจ้าของกิจการ ก็เคยประสบปัญหาเงินทุนในชีวิตประจำวันไม่พอหมุนเวียน หรือประสบปัญหาเรื่องเศรษฐกิจต่างๆจึงทำให้ขาดรายได้ และต้องการใช้เงินก้อนหรือเงินเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก เข้าใจเลยค่ะว่าสถานการณ์ที่ต้องการเงินด่วนเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญมากๆในชีวิตของเราทุกคน ซึ่งก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรต้องควรพิจารณาให้ดีก่อน เช่น คำนวณถึงจำนวนเงินที่ต้องการ ว่าเราต้องการมากน้อยเพียงใด หรือเงินก้อนจำนวนมากแค่ไหน และ คำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องการใช้เงิน ช้าเร็วมากเพียงใด และความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเราเอง แต่ไม่ต้องกังวลใจไปเลย เพราะปัญหาต้องการเงินด่วนนั้นมีทางออกให้หลายๆ คนอย่างแน่นอน ถ้าหากเรามีอสังหาริมทรัพย์ในมืออยู่แล้ว เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน […]

อ่านเพิ่มเติม
ค่าโอน
30
Dec 22
ไอ้หยา~ ค่าโอนอสังหาฯ ปีหน้า แพงขึ้น 100 เท่า!!

ถึงกับต้องร้องเสียงหลงกันว่า ไอ้หยา~ เมื่อ ค่าโอน อสังหาฯ ปีหน้า แพงขึ้นถึง 100 เท่า!! หลังมีมิติ ครม. ออกมาว่า ในปี 2566 นี้ จะมีมาตรการช่วยเหลือลดค่าโอนให้เพียง 1% เท่านั้น เทียบจากปี 2565 ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการช่วยเหลือตรงนี้ เสียค่าโอนกันเพียงแค่ 0.01% จากปกติ 2% เท่านั้นเอง จากข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เห็นชอบมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ด้วยมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้ ลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1%  ลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01%  สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (คอนโด) ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2 เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา (แหล่งที่มาข่าว https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/62863) หมายความว่า.. หากเราจะซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท  จากเดิมปี 2565 เราจะเสียค่าโอน 0.01% หรือ 300 บาท เพียงเท่านั้น แต่ในป […]

อ่านเพิ่มเติม