วางแผนเกษียณตามสไตล์มนุษย์เงินเดือน เริ่มได้อย่างไร?
13
Mar 25

ปัจจุบันผู้คนเริ่มสนใจเรื่องการวางแผนเกษียณกันมากขึ้น เพื่อที่จะมีเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่ชรา โดยในแต่ละปีมีมนุษย์เงินเดือนที่เกษียณอายุมากขึ้น ทั้งการเกษียณจากอายุงาน หรือการเกษียณด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเกษียณแบบไหนก็ตาม การเลือกวางแผนเกษียณไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่า 

โดย Property4Cash เงินด่วนอสังหาได้รวบรวมการ วางแผนเกษียณตามสไตล์มนุษย์เงินเดือน มาฝากกัน อยากเริ่มวางแผนเกษียณกันแล้ว ไม่รู้ว่าหลังเกษียณควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ดี? บทความนี้ มีคำตอบให้คุณ

 

ใครหลายคนอาจคิดว่า… การวางแผนทางด้านการเงินหลังการเกษียณสไตล์มนุษย์เงินเดือนเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลานาน แต่เราขอบอกเลยว่าไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน โดยในหัวข้อนี้เราจะมาบอก 

7 เทคนิคการวางแผนเกษียณสไตล์มนุษย์เงินเดือน เงินเพิ่มพูน มีใช้อย่างเหลือเฟือ

1.กำหนดการเกษียณอายุงาน : ก่อนที่คุณจะวางแผนเกษียณ คุณควรเริ่มกำหนดอายุเกษียณของตนเองไว้ก่อน หากคุณทำงานอยู่ที่บริษัทเอกชนแต่ไม่ทราบว่าบริษัทเอกชนเกษียณอายุเท่าไหร่ หรือตอนไหน? ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเอกชนจะเริ่มเกษียณอายุงานตอนอายุประมาณ 55 – 60 ปี และหลังจากเกษียณคนเราจะสามารถอยู่ได้จนถึงอายุประมาณ 80 ปี แต่ถ้าคุณสามารถอยู่ได้จนถึงอายุ 90 กว่าปี คุณจะมีอายุหลังการเกษียณประมาณ 25 ปี แต่ทั้งนี้อายุเกษียณจะมากหรือน้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย

 

2.กำหนดค่าใช้จ่ายที่ต้องการหลังการเกษียณ : คุณสามารถกำหนดค่าใช้จ่ายที่ต้องการหลังการเกษียณได้ โดยอ้างอิงจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันว่าในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เมื่อทราบแล้วให้คุณลองหักค่าใช้จ่ายในส่วนที่คุณคิดว่าจ่ายหมดแล้วหลังจากเกษียณดู เช่น ค่าผ่อนรถ โดยสมมติว่าตอนนี้คุณมีอายุ 30 ปี และมีหนี้ที่ต้องผ่อนรถเดือนละ 6000 บาท เป็นระยะเวลา 8 ปี สำหรับการวางแผนเกษียณคุณไม่จำเป็นต้องคิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้ว เพราะเงินส่วนนี้จะเป็นเงินที่หมดหลังจากการเกษียณอายุแน่นอน

โดยเงินที่คุณต้องนำมาคำนวณเพื่อวางแผนเกษียณต้องเป็นเงินที่ใช้สำหรับจ่ายค่ากินค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่น คุณใช้เงินต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท แต่เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อประมาณ 2 ถึง 3% ต่อปี ซึ่ง 20 ปีข้างหน้าเงิน 20,000 บาท อาจมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นถึง 40,000 บาท จากการคำนวณจะได้ 40,000 x 12 = 480,000 และนำ 480,000 x 20 = 9,600,000 ดังนั้นหลังการเกษียณคุณควรมีเงินเก็บประมาณ 9,600,000 บาท

 

3. คำนวณรายได้หลังเกษียณอายุ : เราอยากให้คุณลองคิดล่วงหน้าว่าหลังเกษียณอายุไปแล้ว คุณจะมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอะไรบ้าง อย่างไรก็ตามควรคิดถึงความเป็นไปได้ในปัจจุบันและคำนึงถึงรายได้หลังการเกษียณด้วย

 

4. คำนวณค่าใช้จ่ายและเงินออม : คุณสามารถนำเงินฝาก เงินออม เงินทุนประกันสังคมหรือกองทุนต่างๆ มาคำนวณเพื่อที่คุณจะได้รู้ว่าคุณต้องมีเงินเพิ่มอีกเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอกับการใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างไม่ลำบาก

 

5. วางแผนการออมเงินอย่างมีระเบียบ : ถ้าคุณต้องการให้การวางแผนเกษียณของคุณประสบความสำเร็จ คุณต้องวางแผนการออมเงินอย่างมีระเบียบวินัย โดยคุณสามารถเลือกออมเงินแบบไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินเข้าบัญชี หรือเก็บรูปแบบต่างๆ ก็ทำได้เช่นกัน 

 

6. วางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ : อีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจหากคุณต้องการมีเงินเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ คือ การซื้อที่ดินไว้ เพื่อเก็งกำไร หรือการซื้อคอนโดไว้ปล่อยเช่า โดยสิ่งเหล่านี้จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับดอกเบี้ย ดังนั้นคุณจะไม่ต้องกังวลเลยว่าหลังเกษียณคุณจะไม่มีเงินใช้ หากเลือกลงทุนประเภทนี้

 

7. ตรวจสอบและติดตามแผนเกษียณอายุอย่างสม่ำเสมอ : มาถึงข้อสุดท้ายของเทคนิคการวางแผนเกษียณอายุกันแล้ว โดยเมื่อคุณเริ่มวางแผนออมเงินและเก็บเงินมาระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่คุณควรต้องทำถัดไป คือ การติดตามเงินออมของคุณว่ามีเงินหรือขาดเงินอีกเท่าไหร่ การทำเช่นนี้จะทำให้คุณมองเห็นแผนการออมเงินของคุณได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และสามารถออมเงินอย่างเป็นระบบมากขึ้นอีกด้วย

วางแผนเกษียณตามสไตล์มนุษย์เงินเดือน เริ่มได้อย่างไร?

หลังเกษียณอายุจะได้รับสิทธิอะไรบ้าง?

วางแผนเกษียณอายุตอนไหนดีที่สุด แน่นอนว่า… การวางแผนหลังเกษียณ เป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ เนื่องจากจะมีเรื่องของการเงินและสิทธิ์ต่างๆ ที่จะได้รับหลังจากเกษียณอายุ โดยจะมี 4 สิ่งหลักๆ ที่มนุษย์เงินเดือนจะได้รับ คือ เงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน, เงินชราภาพจากประกันสังคม, เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

 

1. เงินชดเชยตามกฎหมาย ตามกฏหมายแรงงานผู้ที่เป็นนายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ถูกเลิกจ้าง หรือเกษียณอายุ โดยเงินชดเชยตามกฎหมายจะเป็นเงินก้อนจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะได้รับเป็นเงินเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงาน ดังนั้นหากลูกจ้างเกษียณตามเกณฑ์บริษัท หรือเกษียณตอนอายุ 60 ปี ลูกจ้างจะได้เงินชดเชยตามกฏหมายแรงงาน ทั้งนี้จะใช้การคำนวณตามระยะเวลาการทำงานและเงินเดือนสุดท้ายที่ได้รับ เช่น

  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 120 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี จะได้รับเงินชดเชย 30 วัน
  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี จะได้รับเงินชดเชย 90 วัน
  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 3 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี จะได้รับเงินชดเชย 180 วัน
  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 6 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี จะได้รับเงินชดเชย 240 วัน
  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี จะได้รับเงินชดเชย 300 วัน
  • หากมีอายุงาน (ต่อเนื่อง) เป็นระยะเวลา 20 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินชดเชย 400 วัน

 

2. เงินชราภาพจากประกันสังคม เกษียณอายุ 55 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินอะไรบ้าง? โดยคุณจะได้รับเงินชราภาพจากประกันสังคม ซึ่งสามารถติดต่อรับเงินนี้ได้ภายใน 2 ปี ทั้งนี้จะได้รับเป็นเงินบำเหน็จหรือบำนาญสามารถดูได้ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้

  • กรณีที่จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน หรือไม่ถึง 15 ปี เงินที่ได้รับจะเป็นบำเหน็จเงินก้อน
  • กรณีที่จ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือน หรือตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปเงินที่ได้รับจะเป็นเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ในการได้รับเงินบำนาญรายเดือนจากประกันสังคมจะอยู่ที่ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หากคุณจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน คุณจะได้รับเงินสมทบเพิ่มเป็นร้อยละ 1.5 เป็นเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปี

 

3. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสามารถรับได้ทั้งผู้ที่เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนประจำ หรือผู้ที่ได้รับเงินชราภาพจากประกันสังคม โดยเมื่อเกษียณอายุจะไม่ถูกนับว่าเป็นผู้ประกันตนของประกันสังคมอีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อคุณมีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ก็ยังสามารถรับเบี้ยยังชีพในทุกๆ เดือนได้ และจะได้รับเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีตามช่วงอายุ สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุสามารถเข้าไปที่สำนักงานเขตในกรุงเทพมหานคร หรือที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อยื่นคำขอหรือลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้เลย

 

4. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่เกิดจากการร่วมมือกันของนายจ้างและลูกจ้างร่วมจัดตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นสวัสดิการส่วนหนึ่งในยามที่ลูกจ้างเกษียณอายุ ซึ่งเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้จาก เงินสะสมของผู้ที่เป็นสมาชิกจะมีการหักจากเงินค่าจ้าง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ของเงินค่าจ้าง เงินสมทบของส่วนนายจ้างจะมีจ่ายสมทบเข้ากองทุนให้กับลูกจ้าง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 2% แต่ไม่เกิน 15% ของเงินค่าจ้าง

 

สรุปส่งท้าย วางแผนเกษียณตามสไตล์มนุษย์เงินเดือน ต้องทำอย่างไร? การที่คุณได้วางแผนเกษียณไว้ก่อน จะทำให้คุณมีเงินใช้และสามารถมีชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไม่ลำบาก ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ หากเริ่มต้นวางแผนเกษียณวันนี้ รับรองเลยว่า… ในอนาคตชีวิตของคุณจะมีความสุข และมีเงินใช้เพื่อทำในสิ่งที่คุณอยากทำได้อย่างแน่นอน

แต่สำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน สินเชื่อโฉนดแลกเงินกับ Property4Cash เงินด่วนอสังหา รับจำนอง ขายฝาก อาจเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้นๆ ได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม เงื่อนไขการขอสินเชื่อที่ไม่ยุ่งยาก ทำให้เหมาะสมกับทุกอาชีพ และทุกคนสามารถผ่อนชำระคืนได้ โดยไม่เกินตัวนั่นเองค่ะ…

 


Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

6 วิธี วางแผนเกษียณ ฉบับ GEN-Z
20
Feb 25
6 วิธี วางแผนเกษียณ ฉบับ GEN-Z

วางแผนเกษียณ ฉบับ GEN-Z ปัจจุบัน คน Gen Z มักจะมีเป้าหมายที่แตกต่างจากคน Gen อื่นๆ เมื่อก่อนอย่างชัดเจน เพราะเพื่อนๆ Gen Z ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นทำงาน เพื่อสร้างรายได้เลี้ยงชีพ แต่หลายๆ คนมีเป้าหมายที่ต้องการอิสระทางการเงินในระยะยาว หรือบางคนมีเป้าหมายจะเกษียณตัวเองให้เร็วกว่ากำหนด  เพื่อให้ตัวเองมีเวลา มีเสถียรภาพทางการเงิน และสามารถทำตามความฝันในช่วงเวลาหลังเกษียณได้   ซึ่งถ้าเพื่อนๆ มีเป้าหมายอยากเกษียณอย่างสบาย มีอิสระทางการเงินที่ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องทำงาน ก็ต้องไม่ลืมวางแผนก่อนวัยเกษียณ เพราะการวางแผนการเงินก่อนวัยเกษียณสำคัญอย่างมาก ด้วยในยุคที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความไม่แน่นอนทางการเงินก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เพื่อนๆ Gen Z สามารถเกษียณได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องรายได้ในอนาคต   ด้วยเหตุนี้ Property4Cash จึงอยากชวนทุกคนมาวางแผนเกษียณ ฉบับ GEN-Z กับ 6 ข้อเช็กลิสต์ที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ เพื่อให้มีชีวิตที่มั่นคงและสุขสบายในวัยเกษียณนั่นเอง…    GEN-Z ต้องฟัง! เรื่องเกษียณไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป… ถ้าวางแผนการเงินดี ยังไงตอน […]

อ่านเพิ่มเติม
กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ฉุดกำลังซื้อ กระทบอสังหาฯ ไทยหรือไม่?
13
May 25
กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา กระทบหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจโตช้า และเป็นกับดัก ฉุดรั้งกำลังซื้ออสังหาในไทยหรือไม่?

          กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา กระทบหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจโตช้า และเป็นกับดัก ฉุดรั้งกำลังซื้ออสังหาในไทยหรือไม่?           ในปี 2024–2025 ประเด็น “กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา” หรือ U.S. Trade Tariffs ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้ากับจีนและนโยบายปกป้องภาคการผลิตภายในประเทศ อาจมีการ ปรับเพิ่มภาษีนำเข้า สินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง รถยนต์ไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้างบางชนิด           หลายคนตั้งคำถามว่า… เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเศรษฐกิจไทย? และจะกระทบกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเราหรือไม่? บทความนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหาได้สรุปให้ชัดๆ แบบเข้าใจง่าย ดังนี้ 1.กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา กระทบเศรษฐกิจโลกอย่างไร?          มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน สูงขึ้นทันที                ➡️ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) ชะงัก                ➡️ ต้นทุนสินค้าขยับสูงขึ้นทั่วโลก                ➡️ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีภาระจ่ายเพิ่ม ขณะที่รายได้ไม่เพิ่มตาม ผลที่ตามมา คือ กำลังซื้อในสหรัฐฯ ลดลง การนำเข้าสินค้าจากต่า […]

อ่านเพิ่มเติม
21
Nov 25
ทำไม ไม่ควรขายทรัพย์ แต่ควรขายฝาก เมื่อธุรกิจต้องการเงินแค่ 6 เดือน

               ไม่ควรขายทรัพย์ แต่ควรขายฝาก เมื่อธุรกิจต้องการเงินแค่ 6 เดือน ในช่วงที่ธุรกิจต้องการ เงินด่วนเพื่อหมุนสั้นๆ เพียง 3–6 เดือน เจ้าของกิจการมักเผชิญแรงกดดันจนคิดจะ “ขายทรัพย์” เช่น บ้าน คอนโด หรือที่ดิน เพื่อให้ได้เงินเร็วที่สุด                 แต่จริงๆ แล้วการขายทรัพย์ อาจทำให้คุณ เสียโอกาสสำคัญในระยะยาว เพราะคุณกำลัง “แลกทรัพย์สินถาวรกับเงินที่ต้องใช้เพียงชั่วคราว” ทางเลือกที่เหมาะกว่าในการแก้ปัญหาเงินหมุนระยะสั้นคือ —-> การขายฝาก ⭐ทำไมการขายทรัพย์จึงไม่เหมาะ หากต้องการเงินเพียง 6 เดือน? 1) ขายทรัพย์ = เสียกรรมสิทธิ์ถาวร แม้ต้องการเงินแค่ระยะสั้น                การขายทรัพย์คือการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นแบบ 100% แต่ปัญหาเงินหมุนของคุณอาจต้องการเวลาเพียงไม่กี่เดือนในการฟื้นตัว การเสียทรัพย์ไปถาวร เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว จึง ไม่คุ้มในเชิงธุรกิจ   2) รีบขาย = ได้ราคาต่ำกว่าตลาดเสมอ                ผู้ที่ขายทรัพย์ เพราะต้องการเงินด่วน มักเจอผู้ซื้อที่ต่อรองหนัก เช่น ขอราคาต่ำ, เพราะอยากปิดดีลไวแลกส่วนลด ใช้เวลาประเมินและยื่นกู้นาน ทำให้โอกาสขายได้ราคาตลาดแทบเป็นไปไม่ได้ บ […]

อ่านเพิ่มเติม