5 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจจำนองบ้าน
7
Sep 24

การตัดสินใจจำนองบ้านเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะเกี่ยวข้องกับภาระทางการเงินระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ควรทำความเข้าใจใน 5 ข้อสำคัญต่อไปนี้

  1. ความสามารถในการผ่อนชำระ
  • รายได้: ประเมินรายได้ประจำและรายได้อื่นๆ ที่มั่นคง
  • ค่าใช้จ่าย: รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค ค่าเล่าเรียนบุตร
  • หนี้สินอื่น: หนี้บัตรเครดิต หนี้สินส่วนบุคคลอื่นๆ
  • อัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR): ควรคำนวณ DSR เพื่อประเมินว่าภาระหนี้ใหม่จะส่งผลกระทบต่อการเงินส่วนตัวมากน้อยแค่ไหน
  1. อัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อนชำระ
  • อัตราดอกเบี้ย: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงิน
  • ระยะเวลาผ่อนชำระ: เลือกระยะเวลาผ่อนชำระที่เหมาะสมกับกำลังทรัพย์
  • อัตราดอกเบี้ยลอยตัวหรืออัตราดอกเบี้ยคงที่: เลือกประเภทอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  1. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากเงินต้นและดอกเบี้ย
  • ค่าธรรมเนียม: ค่าประเมินราคาทรัพย์สิน ค่าจดทะเบียนจำนอง ค่าประกันภัย
  • ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์: ค่าอากรแสตมป์ ค่าธรรมเนียมการโอน
  • ค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง: หากบ้านต้องการการปรับปรุง
  • ค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า: ค่าหักดอกเบี้ยล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน
  1. เงื่อนไขสัญญา
  • อัตราส่วนเงินกู้ต่อราคาประเมิน (Loan-to-Value Ratio หรือ LTV): ธนาคารจะปล่อยกู้ให้ไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนด
  • เงื่อนไขการผิดนัดชำระ: หากผิดนัดชำระหนี้ มีสิทธิที่จะดำเนินการตามกฎหมาย
  • เงื่อนไขการไถ่ถอนก่อนกำหนด: หากต้องการไถ่ถอนหนี้ก่อนกำหนด อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  1. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • ธนาคาร: ปรึกษาเจ้าหน้าที่สินเชื่อเพื่อขอคำแนะนำและเปรียบเทียบเงื่อนไข
  • ที่ปรึกษาทางการเงิน: หากมีความสับสนหรือต้องการคำแนะนำที่เป็นกลาง
  • ทนายความ: เพื่อตรวจสอบสัญญาและสิทธิประโยชน์ต่างๆ

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ: ก่อนตัดสินใจ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านจากหลายแหล่ง
  • เปรียบเทียบเงื่อนไข: เปรียบเทียบเงื่อนไขของแต่ละธนาคารหรือสถาบันการเงินอย่างละเอียด
  • วางแผนการเงินระยะยาว: วางแผนการเงินให้รอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่อนชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม: เตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อให้ครบถ้วน

การจำนองบ้านเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ควรใช้เวลาในการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้บ้านที่ใฝ่ฝันและมีความสุขกับการอยู่อาศัย

5 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจจำนองบ้าน

——————————————————

Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

กู้ร่วม แต่ผู้กู้ร่วมอีกคนเสียชีวิต ทำจำนองขายฝากได้ไหม?
2
Jul 24
กู้ร่วมแต่ผู้กู้ร่วมอีกคนเสียชีวิต ทำจำนองขายฝากได้ไหม?

หลายคนคงเคยกังวลว่าหากเรา กู้ร่วม ซื้อบ้านหรือคอนโดกับใครสักคน แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผู้กู้ร่วมเสียชีวิต เราจะทำอย่างไรต่อ? โดยเฉพาะเรื่อง มรดก การผ่อนชำระสินเชื่อ หรือ  การขายฝาก จำนอง บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยเหล่านี้ให้กระจ่าง พร้อมอธิบายแนวทางปฏิบัติอย่างละเอียด เมื่อเผชิญสถานการณ์สูญเสียผู้กู้ร่วม เมื่อผู้กู้ร่วมเสียชีวิต สัญญาจะยังคงอยู่หรือไม่? ตอบ: สัญญากู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยยังคงมีผลผูกพันแม้ว่าผู้กู้ร่วมจะเสียชีวิตก็ตาม ภาระหนี้สิน มรดก ต่างๆ จะตกไปอยู่กับผู้ กู้ร่วม ที่ยังมีชีวิตอยู่และทายาทของผู้เสียชีวิต แล้วทายาทมีสิทธิ์อะไรบ้าง? ตอบ: ทายาทของผู้เสียชีวิตมีสิทธิ์เลือกดังนี้ รับสืบทอดหนี้สิน: ทายาทสามารถรับสืบทอดหนี้สินต่อจากผู้เสียชีวิต โดยจะต้องผ่อนชำระสินเชื่อร่วมกับผู้กู้ร่วมที่ยังมีชีวิตอยู่ สละสิทธิ์: ทายาทสามารถสละสิทธิ์ไม่รับสืบทอดหนี้สิน กรณีนี้ธนาคารอาจพิจารณาให้ผู้กู้ร่วมที่ยังมีชีวิตอยู่กู้ต่อเพียงลำพัง หรือหาผู้กู้ร่วมใหม่ ขายทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้: ทายาทสามารถขายบ้านหรือคอนโดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สิน กรณีต้องการขายฝากหรือจำนอง กรณีผู้กู้ร่วมเสียชีวิต การทำ […]

อ่านเพิ่มเติม
เจ้าบ้านตามทะเบียนบ้าน กับ เจ้าของบ้าน แตกต่างกันอย่างไร?
24
Oct 23
เจ้าบ้านตามทะเบียนบ้าน กับ เจ้าของบ้าน แตกต่างกันอย่างไร?

หลายท่านคงสงสัย? ว่าเจ้าบ้านคือใคร!! หรือบางท่านอาจจะคิดไปถึงผีบ้านผีเรือน แต่ที่จริงแล้วตามหลักกฎหมาย ว่าด้วยเรื่องการดูแลบ้าน บ้านทุกหลังต้องมี เจ้าบ้านตามทะเบียนบ้าน เพื่อระบุว่าบุคคลที่เป็นเจ้าบ้านนั้น ผู้เป็นหัวหน้าซึ่งครอบครองบ้าน ในฐานะเป็นเจ้าของ ผู้เช่า หรือในฐานะอื่น เช่น ผู้ดูแลบ้าน แล้วแตกต่างยังไงกับเจ้าของบ้านละ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันค่ะก่อนอื่นเรามาดูความหมายของทั้งสองคำนี้กันก่อนเลยค่ะ เจ้าบ้าน หมายถึง ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครองบ้านในฐานะที่เป็นเจ้าของ ผู้เช่า และอื่นๆ โดยหากในทะเบียนบ้านไม่มีชื่อเจ้าบ้าน หรือผู้ที่ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าบ้าน เกิดเสียชีวิต ผู้มีหน้าที่ดูแลบ้านสามารถมาเป็นเจ้าบ้านแทนได้ เจ้าของบ้าน หมายถึง เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่มีชื่อในโฉนดที่ดิน สัญญาซื้อขาย มีสิทธิใช้สอย หวงกัน ติดตามเอาทรัพย์คืน. ใช้ยันต่อบุคคลทั่วไป มีกฎหมายรองรับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 โดยจากความหมายด้านบน เจ้าบ้านหรือเจ้าของบ้าน อาจจะเป็นคนเดียวกัน หรือ ไม่ใช่คนเดียวกันก็ได้ค่ะ หน้าที่เจ้าบ้าน VS เจ้าของบ้าน เจ้าบ้านตามทะเบียนบ้าน มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร […]

อ่านเพิ่มเติม
อสังหาริมทรัพย์แบบไหน เหมาะกับการขายฝาก ปี 2568
31
Jan 25
อสังหริมทรัพย์แบบไหน เหมาะกับการขายฝาก ปี 2568

อสังหาริมทรัพย์แบบไหน เหมาะกับการขายฝาก ปี 2568 จากการอัปเดต ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดการณ์ปี 2568 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย จำนวน 363,600 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.7% แยกเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ 254,520 หน่วย เพิ่มขึ้น 4.7% และอาคารชุด 109,080 หน่วย เพิ่มขึ้น 1.5%    โดยภาพรวมดูดีขึ้นกว่าปี 2567 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการสินเชื่อ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น เฟอร์นิเจอร์ ก่อสร้าง การออกแบบตกแต่ง เป็นต้น  แต่อย่างไรก็ตามในปี 2568 ยังคงมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น ภาระหนี้สินครัวเรือน, สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ, ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ในตะวันออกกลางจะส่งผลรุนแรงต่อราคาน้ำมันและพลังงาน นโยบาย America First ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลก เช่น การตั้งกำแพงภาษีโดยขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 60%และขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศอื่น ๆ อีก 10 – 20% เพื่อสกัดสินค้านำเข้าจากต่างประเ […]

อ่านเพิ่มเติม