รีไฟแนนซ์ Retention ต่างกันอย่างไร?
26
May 23

เมื่อผ่อนบ้านมาได้สักระยะหนึ่งแล้วหลายคนก็เริ่มที่จะหาทางทำให้ดอกเบี้ยนั้นลดลง
ซึ่งวิธีการที่เราคุ้นเคยกันนั้นคือการ รีไฟแนนซ์ แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่ามาก คือการ Retention
แล้วทั้ง 2 วิธีนี้แตกต่างกันอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

Retention เป็นการติดต่อขอลดอัตราดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม
ในขณะที่ รีไฟแนนซ์ เป็นการนำที่อยู่อาศัยที่ผู้กู้ผ่อนชำระอยู่
มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอสินเชื่อใหม่มาปิดหนี้ยอดเงินกู้เดิมที่ยังเหลืออยู่
ทำให้หนี้ของเรากับเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือ ธนาคารหรือสถาบันการเงินเดิมนั้นสิ้นสุดลง
พร้อม ๆ กับการเกิดขึ้นของหนี้ใหม่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่

ซึ่งข้อแตกต่างสามารถแบ่งได้ตามนี้

#สถาบันการเงิน
Retention จะใช้ธนาคารหรือสถาบันการเงินเดิม ไม่ต้องหาสถาบันการเงินใหม่
Refinance จะต้องหาธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่

#การเตรียมเอกสาร
Retention ไม่ต้องยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร
เนื่องจากธนาคารสามารถใช้เอกสารเดิมหลายฉบับที่ผู้กู้ใช้ยื่นขอสินเชื่อ
Refinance เนื่องจากเป็นธนาคารหรือสถาบันการเงินใหม่
จึงต้องมีการเตรียมเอกสารใหม่ทั้งหมด

#ระยะเวลาอนุมัติ
Retention เนื่องจากมีข้อมูลเดิมอยู่แล้วจึงพิจารณาอนุมัติเร็ว
Refinance ใช้ระยะเวลาอนุมัติเท่ากับการขอกู้ใหม่

#ค่าใช้จ่าย
Retention มีค่าธรรมเนียมประมาณ 1-2% ของยอดวงเงินกู้เดิม หรือวงเงินที่เหลือแล้วแต่กำหนด
Refinance ค่าธรรมเนียมมากกว่า โดยมีค่าใช้จ่ายดังนี้
– ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%
– ค่าธรรมเนียมในการจดจำนอง 1%
– ค่าประเมินราคาหลักประกัน 0.25-2%
– ค่าประกันอัคคีภัยประมาณ 2,000 บาทต่อมูลค่าบ้าน 1 ล้านบาท
– ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้

#อัตราดอกเบี้ย
Retention เป็นไปตามอัตราเดิมที่ธนาคารกำหนดไว้ ตอนยื่นกู้หรือขึ้นอยู่กับการเจรจา
Refinance สามารถเลือกธนาคารที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าได้

การ Retention จึงมีความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า
ส่วนการ Refinance จะมีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลายกว่า
โดยผู้กู้ควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด

เพราะดอกเบี้ยต่างกันนิดเดียวแต่ยอดเงินที่ต้องจ่ายนั้นต่างกันมากนะคะ
อย่างไรก็ตามหากไม่มั่นใจว่าจะเลือกวิธีไหนดี
เราแนะนำให้ปรึกษากับทางธนาคาร หรือปรึกษานายหน้าอสังหานะคะ
เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ไม่เสียโอกาสและไม่เสียเวลาค่ะ

รีไฟแนนซ์ Retention ต่างกันอย่างไร?

——————————————————-

สนใจจำนอง-ขายฝาก หรือปรึกษาปัญหา ติดต่อเราได้ทาง

Line: @Property4Cash
โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash
ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

16
Mar 24
วิธีอ่านโฉนดที่ดิน ฉบับมือโปร ดูให้ชัดแต่ละจุดหมายถึงอะไร

โฉนดที่ดินเป็นเอกสารราชการที่ข้อมูลระบุไว้อย่างละเอียด ซึ่งทำให้เราสามารถทราบถึงข้อมูลต่างๆ เช่น เจ้าของกรรมสิทธิ์, ตำแหน่งที่ตั้งที่ดิน, ขนาดที่ดิน, รูปแผนที่ของที่ดิน, สภาพที่ดินโดยคร่าว, ขนาดหน้ากว้างที่ดิน, นิติกรรมต่างๆที่เคยจดทะเบียน รวมไปถึงข้อจำกัดของที่ดินแปลงนี้ หากรู้ วิธีอ่านโฉนดที่ดิน อ่านโฉนดอย่างรอบครอบจะช่วยลดความเสียหายในการทำนิติกรรมต่างๆกับที่ดิน เช่นการซื้อขายที่ดินแล้วชำระราคาให้แก่บุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ, หรือทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินผิดแปลง, การซื้อที่ดินที่ติดข้อจำกัดต่าง หรือแม้กระทั้งซื้อที่ดินตาบอด ดังนั้นการอ่านโฉนดเป็นจึงมีประโยชน์มาก เรามาดู วิธีอ่านโฉนดที่ดิน กันเลยดีกว่าค่ะ บนโฉนดที่ดิน บอกอะไรบ้าง 1.ครุฑ ครุฑในเอกสารสิทธินั้นมีหลายสี ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงประเภทของเอกสารสิทธิ รวมไปถึงสิทธิที่พึงจะมีในที่ดินแปลงดังกล่าว (https://property4cash.co/articles/1325/) ข้อมูลเฉพาะของที่ดิน แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ประกอบด้วย ฝั่งบนด้านซ้าย ตำแหน่งที่ดิน – ระวางที่ดิน เป็นการระบุหมายเลขแผ่นของระวางแผนที่ ว่าที่ดินอยู่บนระวางแผนที่แผ่นไหน โดยสำนักงานที่ดินจะมีระวา […]

อ่านเพิ่มเติม
ผลกระทบของการไม่ชำระหนี้จำนองต่อทรัพย์สินของคุณ
11
Oct 24
ผลกระทบของการไม่ชำระหนี้จำนองต่อทรัพย์สินของคุณ

การไม่ชำระหนี้จำนองสามารถมีผลกระทบหลายประการที่มีทั้งผลลัพธ์ทางการเงินและด้านอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างมีนัยสำคัญ นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่คุณอาจเผชิญ: การยึดทรัพย์สิน (Foreclosure) กระบวนการยึดทรัพย์สิน เมื่อคุณไม่ชำระหนี้จำนองตามที่กำหนด ธนาคารหรือผู้ให้กู้จะเริ่มกระบวนการยึดทรัพย์สิน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเริ่มต้นจากการส่งจดหมายเตือนถึงการผิดนัดชำระหนี้ หากคุณยังไม่ชำระหนี้ ธนาคารจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีการยึดทรัพย์สิน หลังจากได้รับการอนุมัติจากศาล ธนาคารจะสามารถเข้ายึดทรัพย์สินได้ ทรัพย์สินที่ถูกยึดจะถูกนำไปประมูลขายเพื่อกู้คืนหนี้ ผลกระทบที่ตามมา คุณจะต้องออกจากบ้านหรือทรัพย์สินนั้น โดยอาจต้องจัดการย้ายสิ่งของของคุณในเวลาที่จำกัด การสูญเสียบ้านหรือที่อยู่อาศัยอาจส่งผลต่อความมั่นคงของคุณและครอบครัว เครดิตสกอร์ลดลง (ในกรณีที่ติดจำนองกับทางธนาคาร) การส่งผลกระทบต่อประวัติการเงิน ประวัติการไม่ชำระหนี้จะถูกบันทึกในเครดิตบูโร และจะส่งผลต่อคะแนนเครดิตของคุณอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถทำให้คะแนนเครดิตลดลงถึง 100-200 คะแนนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เครดิตสกอร์ที่ต […]

อ่านเพิ่มเติม
17
Aug 24
รายละเอียดสัญญาขายฝากที่ดินที่ควรรู้ก่อนทำธุรกรรม สำหรับผู้รับขายฝาก และผู้ขายฝาก

รายละเอียด สัญญาขายฝากที่ดิน ที่ควรรู้ก่อนทำธุรกรรม สัญญาขายฝากที่ดิน เป็นสัญญาที่มีความสำคัญทางกฎหมายและเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่มีมูลค่า การทำความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ ก่อนลงนามจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งผู้รับซื้อฝากและผู้ขายฝากควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ สิ่งที่ผู้รับซื้อฝากควรทราบ กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: แม้ว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีที่ทำสัญญา แต่ผู้ขายฝากยังมีสิทธิไถ่ถอนที่ดินคืนได้ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ระยะเวลาไถ่ถอน: กำหนดระยะเวลาไถ่ถอนให้ชัดเจน โดยทั่วไปจะไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เกิน 10 ปี จำนวนสินไถ่: คือจำนวนเงินที่ผู้ขายฝากต้องชำระเพื่อไถ่ถอนที่ดินคืน โดยจำนวนสินไถ่จะต้องไม่น้อยกว่าราคาที่ซื้อฝาก และดอกเบี้ยที่คิดจากราคาซื้อฝากตามอัตราที่กฎหมายกำหนด (ปัจจุบันไม่เกิน 15% ต่อปี) ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียน: ผู้รับซื้อฝากเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนสัญญาขายฝากที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน ภาษีที่เกี่ยวข้อง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ชำระภาษีที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมนี้ครบถ้วนแล้ว การตรวจสอบเอกสาร: ต […]

อ่านเพิ่มเติม