20
Jul 24

สัญญาขายฝาก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเงินทุน แต่ยังต้องการคงไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า สัญญาขายฝากนั้นเหมือนกับการจำนองที่ดิน แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่ตามมาหากผู้ขายฝากไม่มีเงินมาไถ่ถอนที่ดินภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา
วันนี้  เราจะมาไขข้อข้องใจ  “กรณีผู้ขายฝากไม่มีเงินมา ไถ่ถอน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของใคร?”  พร้อมเจาะลึกประเด็นน่าสนใจ  “เกี่ยวกับสัญญาขายฝาก กันค่ะ

 

เมื่อผู้ขายฝากไม่มีเงินมาไถ่ถอนที่ดิน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของผู้รับขายฝาก” โดยไม่ต้องดำเนินการฟ้องร้องใดๆ เพิ่มเติม ต่างจากการจำนอง ที่ผู้รับจำนองจะต้องฟ้องร้องต่อศาล เพื่อบังคับคดีก่อน จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ทั้งนี้ สิทธิ์ของผู้ขายฝากที่จะไถ่ถอนที่ดินนั้น  จะมีระยะเวลา “ไม่เกิน 10 ปี”  นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก  ซึ่งระยะเวลานี้  สามารถตกลงกัน  “ให้สั้นลงหรือยาวนานขึ้นได้”  แต่ไม่เกิน 10 ปี

อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังมีช่องทางช่วยเหลือผู้ขายฝาก  “กรณีพิเศษ”  ดังนี้
      –  กรณีผู้ซื้อฝากไม่แจ้งกำหนดเวลาไถ่ถอนล่วงหน้า ผู้ขายฝากจะมีสิทธิไถ่ที่ดินได้ภายใน “6 เดือน” นับแต่วันครบกำหนดไถ่ตามสัญญา

  • กรณีผู้ซื้อฝากใช้อำนาจมิชอบ ผู้ขายฝากสามารถฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอไถ่ที่ดินคืนได้

 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับสัญญาขายฝากอีกมากมาย  เช่น
ผู้ขายฝากยังคงมีสิทธิใช้อาศัยหรือประกอบเกษตรกรรมบนที่ดิน “จนกว่าจะครบกำหนดเวลาไถ่ถอน”


ก่อนทำสัญญาขายฝาก  ผู้ขายฝากควรศึกษา  “รายละเอียด”  “เงื่อนไข”  “และผลลัพธ์”  ให้ละเอียดรอบคอบ  ดังนี้

  • ระยะเวลา ไถ่ถอน ควรระบุ “ให้ชัดเจน” ไม่เกิน 10 ปี
  • อัตราดอกเบี้ย ควรตกลง “ให้เป็นธรรม”
  • ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่างๆ ควรระบุ “ให้ชัดเจน”
  • เงื่อนไขการไถ่ถอน ควรระบุ “ให้ละเอียด”
  • สิทธิของผู้ขายฝาก ควรศึกษา “ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้”

ทั้งนี้  ผู้ขายฝากควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ก่อนทำสัญญา  เพื่อตรวจสอบ  “ความถูกต้อง”  “และความเป็นธรรม”  ของสัญญา  รวมถึง  เพื่อขอคำแนะนำ  “เกี่ยวกับสิทธิ์และหน้าที่”  ของผู้ขายฝาก ปรึกษาที่เราได้ง่ายๆ ด้วยประสบการณ์การด้านการจำนอง ขายฝาก มากกว่า 10 ปี  ผ่านเคสต่างๆมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เคส

ผู้ขายฝากไม่มีเงินมา ไถ่ถอน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของใคร?
การขายฝาก  เป็นทางเลือกหนึ่ง  “สำหรับผู้ต้องการเงินทุน”  “แต่ยังต้องการคงไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน”  อย่างไรก็ตาม  ก่อนทำสัญญา  ผู้ขายฝากควรศึกษา  “รายละเอียด”  “เงื่อนไข”  “ผลลัพธ์”  “และผลกระทบทางภาษี”  ให้ละเอียดรอบคอบ  รวมถึง  ควรวางแผน  “การเงิน”  ให้รอบคอบ  เพื่อป้องกันปัญหา  “และความเสียหาย”  ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

นึกถึงจำนอง ขายฝาก นึกถึง property4cash
สนใจจำนอง ขายฝาก คลิกลิงก์ได้เลย

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

สินเชื่อ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับมีหลักประกัน ต่างกันอย่างไร?
23
Apr 25
ไขข้อสงสัย สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับมีหลักประกัน ต่างกันอย่างไร?

วันนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหา ชวนมาไขข้อสงสัย สินเชื่อ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กับมีหลักประกัน ต่างกันอย่างไร? แล้ว สินเชื่อแบบไหน ที่เหมาะกับคุณ ต้องยอมรับว่า… ในยุคที่การเงินมีความสำคัญ สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุน โดยไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินมาค้ำประกัน บทความนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหา จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ สินเชื่อไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อไม่ต้องมีหลักประกันอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถเลือกสินเชื่อที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้อย่างมั่นใจ   สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คืออะไร? สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือ การกู้ยืมเงินที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินมาค้ำประกัน โดยสถาบันการเงินจะพิจารณาจากรายได้ประจำและความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก สินเชื่อไม่ต้องมีหลักประกันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำแต่ไม่มีทรัพย์สินมูลค่าสูง หรือไม่ต้องการนำทรัพย์สินมาค้ำประกัน ข้อดี ของสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการเงินทุน โดยมีจ […]

อ่านเพิ่มเติม
ไถ่ถอนจำนอง-ขายฝาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
22
Mar 23
ไถ่ถอนจำนอง-ขายฝาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?

เพื่อนๆ หลายคนที่มีข้อสงสัยว่าถ้าต้องการ “ไถ่ถอน” จำนองและขายฝากต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรไหม ? เพราะว่าบางคนอาจจะมีความสามารถชำระหนี้หมดก่อนเวลาที่กำหนดไว้  ซึ่งการ ไถ่ถอนจำนอง หรือขายฝากนั้น ก็มีความแตกต่างกันแล้วแต่กรณีตามประเภทของการไถ่ถอน วันนี้เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันว่า การไถ่ถอนจำนอง และขายฝาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ? ไปดูกันเลย การ ไถ่ถอนจำนอง คืออะไร คือ เจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของทรัพย์ ได้จดทะเบียนจำนองไว้เป็นหลักค้ำประกันในการชำระหนี้ ต่อมาได้ทำการชำระหนี้ที่จำนองไว้เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อชำระหนี้หมดแล้ว ต้องไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองเพื่อแก้ไขเอกสารสิทธิว่าไม่มีการจำนอง หรือปลอดจำนองแล้วนั่นเอง วิธีการไถ่ถอนจำนอง มี 2 แบบ ผู้จำนอง และ ผู้รับจำนอง ไปที่สำนักงานที่ดิน เพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองต่อเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน พร้อมกัน ผู้ที่มีสิทธิในที่ดินหรือผู้มีสิทธิไถ่ถอนเพียงฝ่ายเดียว ไปที่สำนักงานที่ดิน นำหลักฐานที่ผู้รับจำนองได้ทำเป็นหนังสือหลังสัญญาจำนอง ฉบับผู้รับจำนองว่าได้มีการไถ่ถอนจากจำนองแล้ว มีการชำระหนี้ครบแล้ว ไปขอจดทะเบียนไถ่ถอน ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ณ […]

อ่านเพิ่มเติม
มีที่อยู่แล้ว อยาก กู้เงิน สร้างบ้าน
29
Apr 25
มีที่ดินอยู่แล้ว อยาก กู้เงิน ทำบ้านต้องเริ่มยังไง?

สำหรับใครที่ ต้องการ กู้เงิน สร้างบ้าน และมีที่ดินเป็นของตัวเองอยู่แล้ว อยากมีบ้านในฝันเป็นของตัวเอง หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มจากตรงไหน โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการ กู้เงินสร้างบ้าน ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างจากการกู้ซื้อบ้านจัดสรรหรือคอนโดในโครงการ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับขั้นตอนการขอกู้สร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง อย่างเป็นระบบ เพื่อให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายและไม่สะดุดระหว่างทาง ขั้นตอนการกู้เงินสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง 1. ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน  ก่อนจะ กู้เงิน ธนาคารจะตรวจสอบว่า… คุณมีสิทธิ์ในที่ดินอย่างถูกต้องหรือไม่ ที่ดินควรมี โฉนดที่ดินประเภท น.ส.4 จ. เท่านั้นถึงจะสามารถนำมากู้ได้ ข้อควรระวัง: ถ้าที่ดินยังมีการจำนอง หรือเป็นของพ่อแม่ ต้องมีการโอนหรือทำหนังสือยินยอมให้ใช้เป็นหลักประกัน   2. ประเมินงบประมาณและขอแบบบ้าน คุณต้องมีแบบแปลนบ้านพร้อม BOQ (Bill of Quantity) หรือรายการวัสดุก่อสร้าง เพื่อใช้เป็นเอกสารยื่นขอสินเชื่อ แบบบ้านสามารถขอจากสถาปนิกหรือบริษัทรับสร้างบ้าน โดยควรสอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้ เช่น 1.5 – 3 ล้านบาท   3. เลือกธนาคารและเช็กเงื่อ […]

อ่านเพิ่มเติม