วิธีค้นหาราคาประเมินที่ดินออนไลน์
20
Jun 25

วิธีค้นหา ราคาประเมินที่ดินออนไลน์ (อัปเดตปี 2025)

          ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของที่ดิน นักลงทุนหน้าใหม่ หรือกำลังวางแผนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ การรู้  “ราคาประเมินที่ดิน” อย่างถูกต้องและเป็นปัจจุบันถือเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ เพราะราคาประเมินคือค่าที่หน่วยงานรัฐใช้ในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ

          หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า สามารถตรวจสอบราคาประเมินที่ดินได้เองแบบออนไลน์ ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก โดยไม่ต้องเดินทางไปสำนักงานที่ดินเหมือนในอดีต

          บทความนี้จะพาคุณไปดู ขั้นตอนการค้นหาราคาประเมินที่ดินออนไลน์ ล่าสุดประจำปี 2025 พร้อมเทคนิคการใช้งานเว็บไซต์กรมธนารักษ์ให้ได้ข้อมูลตรงจุด ใช้ได้ทั้งมือใหม่และนักลงทุน!

 

          ราคาประเมินที่ดิน คือ ราคาที่รัฐกำหนดขึ้นโดยอ้างอิงจากข้อมูลหลากหลายด้าน เช่น สภาพเศรษฐกิจโดยรวม ทำเลที่ตั้งของที่ดิน ความเจริญของพื้นที่โดยรอบ ตลอดจนการใช้งานของที่ดินในแต่ละพื้นที่ โดยราคาดังกล่าวจะใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษี ค่าโอนกรรมสิทธิ์ และสามารถใช้เป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของที่ดินแปลงนั้นๆ ได้อีกด้วย

          สำหรับเจ้าของที่ดิน นักลงทุน หรือผู้ที่สนใจในธุรกรรมประเภท ซื้อบ้าน ขายบ้าน หรือขายฝากอสังหา ราคาประเมินมีบทบาทสำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดราคาซื้อขายที่เหมาะสม การใช้เป็นแนวทางในการต่อรองราคากับผู้ซื้อหรือผู้ขาย การใช้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การวางแผนภาษีในการถือครองอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการใช้เป็นฐานในการประเมินวงเงินที่สามารถทำสัญญาขายฝากได้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมกับมูลค่าทรัพย์สิน

          การตรวจสอบราคาประเมินที่ดิน สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสำนักงานที่ดินหรือกรมธนารักษ์อีกต่อไป เนื่องจากหน่วยงานรัฐได้จัดเตรียมระบบออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกขึ้น โดยแบ่งออกเป็นสองระบบหลัก ได้แก่ ระบบของกรมธนารักษ์ และระบบแผนที่ของกรมที่ดิน ซึ่งสามารถเข้าใช้งานได้ฟรีผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องลงทะเบียน

          หากเลือกใช้งานผ่านเว็บไซต์ กรมธนารักษ์ ผู้ใช้งานสามารถกรอกข้อมูลของที่ดินได้หลากหลายวิธี เช่น กรอกเลขที่โฉนดที่ดิน, เลขที่ดินตามระวาง, เลข น.ส.3 ก., ชื่ออาคารชุด หรือเลือกประเภทสิ่งปลูกสร้าง เพื่อดูราคาประเมินเฉพาะอาคาร เช่น บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือคลังสินค้า ระบบจะประมวลผลและแสดงผลข้อมูลราคาประเมินตามเงื่อนไขที่เลือกไว้ พร้อมรายละเอียดของที่ดินหรือทรัพย์สินนั้น ๆ

          อีกช่องทางหนึ่ง คือ การใช้งานเว็บไซต์ LandsMaps ของกรมที่ดิน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีข้อมูลโฉนดหรือเลขที่ดิน โดยสามารถใช้งานผ่านแผนที่แบบ Interactive ผู้ใช้งานเพียงขยายแผนที่ไปยังพื้นที่ที่ต้องการทราบราคาประเมิน จากนั้นคลิกสองครั้งที่ตำแหน่งของแปลงที่ดิน ระบบจะแสดงข้อมูลพื้นฐาน เช่น เลขโฉนด หน้าสำรวจ ระวาง เนื้อที่ และราคาประเมินที่อ้างอิงจากฐานข้อมูลของกรมธนารักษ์ ทั้งนี้ ในระบบ LandsMaps จำกัดการค้นหาจำนวน 20 ครั้งต่อวัน หากต้องการใช้งานเพิ่มเติมจำเป็นต้องลงทะเบียน

ราคาประเมิน VS ราคาตลาด

          ราคาประเมินที่ดินและราคาตลาดมีความแตกต่างกันในเชิงวัตถุประสงค์ วิธีการประเมิน และช่วงเวลาในการอัปเดตอย่างชัดเจน โดยราคาประเมินที่ดินนั้นจัดทำขึ้นโดยกรมธนารักษ์ ใช้เป็นเกณฑ์สำหรับคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ หรือการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ข้อมูลเหล่านี้จะได้รับการปรับปรุงใหม่ทุก 4 ปี ตามรอบการประเมินของรัฐ

          ในขณะที่ราคาตลาด คือ ราคาที่เกิดจากการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในสถานการณ์จริง ซึ่งสะท้อนอุปสงค์และอุปทานในขณะนั้น ราคานี้อาจเปลี่ยนแปลงทุกไตรมาสหรือแม้แต่ทุกเดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก เช่น ความต้องการของตลาด ความเจริญของพื้นที่ การพัฒนาโครงการใหม่ หรือแม้กระทั่งข่าวสารทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อความมั่นใจของผู้ซื้อ

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ยกตัวอย่าง

          ทำเลทองหล่อ กรุงเทพ ซึ่งเป็นย่านที่มีความคึกคักสูงและมีอุปสงค์จากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ในรอบปีล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 450,000 บาทต่อตารางวา แต่ราคาตลาดกลับอยู่ที่ราว 1,200,000 บาทต่อตารางวา หรือคิดเป็นมากกว่า 2.5 เท่า สะท้อนว่าผู้ถือที่ดินไม่สามารถตั้งราคาขายโดยอิงเฉพาะราคาประเมินได้ มิฉะนั้นจะสูญเสียโอกาสทางมูลค่าทางเศรษฐกิจไปมาก

          ในทางกลับกัน หากดูทำเลที่กำลังเติบโต เช่น ย่านกรุงธนบุรี แม้ราคาประเมินจะอยู่ที่ประมาณ 450,000 บาทต่อตารางวา ราคาตลาดจริงอาจอยู่เพียง 550,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งต่างกันไม่มากนักเพราะพื้นที่นี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนา ความคึกคักของตลาดยังไม่เทียบเท่าทำเลในศูนย์กลางธุรกิจ

          ความเข้าใจในช่องว่างระหว่างราคาประเมินกับราคาตลาด จะช่วยให้เจ้าของที่ดินสามารถวางแผนการขาย หรือทำสัญญาขายฝากได้อย่างรอบคอบ ไม่ตั้งราคาต่ำเกินจริง หรือสูงเกินกว่าที่ตลาดรับได้ และยังสามารถใช้ต่อรองกับผู้ซื้อหรือนักลงทุนได้อย่างมีเหตุผลรองรับ ราคาประเมินและราคาตลาดมีจุดประสงค์และวิธีคำนวณที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ราคาประเมินเป็นราคากลางที่ภาครัฐใช้ในการคำนวณภาษีและค่าธรรมเนียม แต่ราคาตลาดเกิดจากการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในสถานการณ์จริง จึงมีแนวโน้มสูงกว่าราคาประเมินค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจหลักหรือพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

วิธีขอหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินจากกรมธนารักษ์

          หนังสือรับรองราคาประเมินที่ดิน คือ เอกสารที่ออกโดยกรมธนารักษ์ ซึ่งแสดงราคาประเมินทุนทรัพย์ของที่ดินแปลงหนึ่ง ๆ ณ ช่วงเวลาที่กำหนด โดยเอกสารนี้สามารถใช้ยื่นประกอบการขอสินเชื่อ การทำธุรกรรมซื้อขาย หรือการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางกฎหมายได้อย่างเป็นทางการ

ขั้นตอนการขอหนังสือรับรองราคาประเมิน

  1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น ได้แก่
    • สำเนาโฉนดที่ดิน หรือเลขที่โฉนดที่ชัดเจน
    • สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของที่ดิน หรือผู้ยื่นคำขอ
    • หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน)
  2. ยื่นคำร้องที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ที่ที่ดินตั้งอยู่ โดยสามารถค้นหาสำนักงานธนารักษ์ประจำพื้นที่ได้จากเว็บไซต์กรมธนารักษ์ หรือโทรสอบถาม Call Center กรมธนารักษ์ โทร. 0-2059-4999
  3. กรอกแบบฟอร์มคำร้องขอหนังสือรับรองราคาประเมิน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้แบบฟอร์มและแนะนำการกรอกข้อมูลให้ถูกต้อง
  4. รอรับหนังสือรับรอง ซึ่งโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 3–5 วันทำการ หากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลหรือเอกสาร

หมายเหตุ : ไม่มีค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือรับรอง หากยื่นขอด้วยตนเองที่สำนักงานธนารักษ์, ราคาประเมินที่ระบุในหนังสือรับรองจะอ้างอิงจากรอบปีการประเมินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (เช่น รอบปี 2566–2569)

 

ประโยชน์ของราคาประเมินที่ดิน

          ราคาประเมินที่ดินไม่ได้เป็นเพียงข้อมูลเพื่อใช้ในการยื่นภาษีหรือค่าธรรมเนียมโอนเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์เชิงกลยุทธ์ในการวางแผนธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในหลายมิติ ทั้งสำหรับเจ้าของทรัพย์ทั่วไปและนักลงทุนที่ต้องการใช้ข้อมูลเพื่อประเมินความคุ้มค่าและลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ

ประโยชน์สำคัญของราคาประเมินที่ดิน ได้แก่

  • ใช้คำนวณค่าใช้จ่ายด้านภาษีและค่าธรรมเนียมล่วงหน้า เช่น ภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ช่วยให้เตรียมงบประมาณได้อย่างแม่นยำก่อนวันโอนจริง
  • ใช้วิเคราะห์ศักยภาพของทำเล โดยการเปรียบเทียบแนวโน้มราคาประเมินในแต่ละรอบปี หากราคาประเมินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มักสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่และความน่าสนใจในการลงทุนในอนาคต
  • ใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงเบื้องต้นในการกำหนดราคาซื้อขาย โดยเฉพาะในกรณีที่ยังไม่มีข้อมูลราคาตลาดที่ชัดเจน หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการซื้อขายน้อย
  • ใช้ประกอบการต่อรองราคา โดยราคาประเมินสามารถใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงร่วมกับราคาตลาด เพื่อเจรจาให้เกิดความเหมาะสมทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเฉพาะในธุรกรรมที่ต้องการความเป็นกลางและโปร่งใส เช่น การขายฝากกับนักลงทุน
  • ใช้กำหนดวงเงินเบื้องต้นในการยื่นขอสินเชื่อหรือขายฝากกับสถาบันการเงิน หรือบริษัทที่รับทำธุรกรรมอสังหา โดยราคาประเมินมักเป็นจุดเริ่มต้นในการประเมินมูลค่าทรัพย์เพื่ออนุมัติวงเงินที่เหมาะสม

ตัวอย่างราคาประเมินที่ดินในปี 2025 (อัปเดตตามภูมิภาค)

          แม้ว่า… ราคาประเมินจะมีการปรับปรุงทุก 4 ปีตามรอบของกรมธนารักษ์ แต่การรู้แนวโน้มและช่วงราคาประเมินในแต่ละภูมิภาคก็สามารถช่วยให้เจ้าของทรัพย์และนักลงทุนเห็นภาพรวมของตลาดในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น

ภาคกลาง

  • กรุงเทพมหานคร: 100,000 – 145,000 บาท/ตารางวา (พื้นที่ CBD และแนวรถไฟฟ้า)
  • นนทบุรี: 1,000 – 170,000 บาท/ตารางวา
  • ปทุมธานี: 600 – 100,000 บาท/ตารางวา

ภาคเหนือ

  • เชียงใหม่: 25 – 515,000 บาท/ตารางวา (ทำเลศูนย์กลางและย่านท่องเที่ยวมีราคาสูง)
  • เชียงราย: 130 – 85,000 บาท/ตารางวา
  • ลำปาง: 100 – 100,000 บาท/ตารางวา

ภาคใต้

  • ภูเก็ต: 980 – 200,000 บาท/ตารางวา (สูงที่สุดในภาคใต้ โดยเฉพาะแนวชายหาด)
  • กระบี่: 250 – 72,500 บาท/ตารางวา
  • นครศรีธรรมราช: 60 – 200,000 บาท/ตารางวา

ภาคตะวันออก

  • ชลบุรี: 200 – 220,000 บาท/ตารางวา (ทำเล EEC และศูนย์อุตสาหกรรม)
  • ระยอง: 100 – 100,000 บาท/ตารางวา
  • จันทบุรี: 100 – 90,000 บาท/ตารางวา

ภาคตะวันตก

  • ประจวบคีรีขันธ์: 100 – 150,000 บาท/ตารางวา
  • ราชบุรี: 75 – 100,000 บาท/ตารางวา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • ขอนแก่น: 50 – 200,000 บาท/ตารางวา
  • อุดรธานี: 50 – 180,000 บาท/ตารางวา
  • นครราชสีมา: 50 – 130,000 บาท/ตารางวา

 

          สรุปส่งท้าย การตรวจสอบ ราคาประเมินที่ดินออนไลน์ ปี 2025 ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพียงเข้าเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ คุณก็สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นราคาประเมินรายแปลง หรือราคากลางในแต่ละพื้นที่ 

          ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเพื่อ วางแผนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, คำนวณค่าธรรมเนียมการโอน, ประเมินภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, หรือใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน

 

          สิ่งสำคัญ คือ อย่าลืมว่า ราคาประเมินจากกรมธนารักษ์เป็น “ราคากลางจากภาครัฐ” ไม่ใช่ราคาตลาด หากต้องการเปรียบเทียบเพิ่มเติม ควรศึกษาราคาตลาดในบริเวณเดียวกันร่วมด้วย เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนและแม่นยำที่สุด 

          การรู้จักใช้เครื่องมือออนไลน์ที่มีให้ฟรีจากหน่วยงานรัฐ จะช่วยให้คุณ ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจทางอสังหาริมทรัพย์ อย่างแน่นอน

 


Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

โฉนดติดกรมบังคับคดี ทำจำนอง ขายฝากได้ไหม?
9
Oct 24
โฉนดติดกรมบังคับคดี ทำจำนอง ขายฝากได้ไหม?

การที่ โฉนดติดกรมบังคับคดี นั้นหมายความว่า โฉนดนั้นถูกนำไปใช้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้หรือมีการฟ้องร้อง ซึ่งอาจทำให้มีข้อจำกัดในการทำธุรกรรม เช่น การจำนองหรือการขายฝาก โดยทั่วไปแล้ว หากโฉนดติดกรมบังคับคดี คุณอาจจะไม่สามารถจำนองหรือขายฝากได้โดยตรง เนื่องจากมีการจำกัดสิทธิในทรัพย์สินนั้นๆ การมีโฉนดที่ติดกรมบังคับคดีเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะดำเนินการทำจำนองหรือขายฝาก โดยทั่วไปแล้ว โฉนดที่ติดกรมบังคับคดีหมายถึงว่าทรัพย์สินนั้นถูกใช้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้หรือมีการฟ้องร้อง ซึ่งทำให้สิทธิในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นมีข้อจำกัด การจำนอง: การจำนองคือการทำสัญญาเพื่อให้ผู้กู้สามารถนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันในการกู้เงิน ในกรณีที่โฉนดติดกรมบังคับคดี มักจะไม่สามารถจำนองได้ เนื่องจากธนาคารหรือสถาบันการเงินส่วนใหญ่จะไม่อนุมัติการจำนองในกรณีที่ทรัพย์สินมีปัญหาทางกฎหมายหรือถูกฟ้องร้อง เพราะอาจมีผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้องหนี้ในอนาคต นอกจากนี้ การจำนองทรัพย์สินที่ติดคดีอาจทำให้เจ้าหนี้เดิมไม่พอใจและอาจดำเนินการทางกฎหมายต่อไปได้ เมื่อโฉนดติดกรมบังคับคดี เจ้าข […]

อ่านเพิ่มเติม
9
Dec 25
ความรู้เบื้องต้นสำหรับนักลงทุนอสังหามือใหม่ ฉบับอัพเดท ปี 2026

ความรู้เบื้องต้นสำหรับนัก ลงทุนอสังหามือใหม่ ฉบับอัปเดต ปี 2026                การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหนึ่งในวิธีสร้างรายได้และสร้างสินทรัพย์ที่แข็งแรงที่สุดในระยะยาว แม้สภาพเศรษฐกิจในแต่ละปีจะผันผวน แต่ “อสังหา” ก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในปี 2026 ที่ตลาดเริ่มเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวหลังความผันผวนหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เป็น “จังหวะสำคัญ” สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นอย่างมั่นใจ                ในบทความนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหา จะพาไปรู้พื้นฐานที่จำเป็นที่สุด แนวโน้มสำคัญของตลาดในปี 2026 รวมถึงเทคนิคและข้อควรระวังที่นักลงทุนมือใหม่ควรเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อ ความรู้เบื้องต้นสำหรับนักลงทุนอสังหามือใหม่ ปี 2026                ก่อนอื่นมาดู ภาพรวมตลาดอสังหาในปี 2026 ที่นักลงทุนควรรู้ ปี 2026 ถือเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ “กลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” จากปัจจัยสำคัญดังนี้: ดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว ทำให้ภาระผ่อนบ้านและคอนโดไม่สูงเท่าปีก่อน ความต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทำเลรอบเมือง–ใกล้รถไฟฟ้า อสังหาเพื่อเช่ากล […]

อ่านเพิ่มเติม
เงินไม่พอไถ่ถอน
25
Jul 24
เงินไม่ไถ่! ขยายสัญญา ขายฝาก ได้หรือไม่?

เงินไม่พอไถ่! ขยายสัญญา ขายฝาก ได้หรือไม่? ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน หลายคนอาจเผชิญปัญหาด้านการเงิน  รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย  ส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้จำนองหรือขายฝากที่ผูกพันกับที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์   วันเราจะมาไขของสงสัยกันว่า “กรณีเงินไม่พอไถ่  เราสามารถขยายสัญญาจำนอง  ขายฝาก หรือหาทางออกอื่นได้หรือไม่ การขยายสัญญา ทำได้หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 504   ผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝากสามารถตกลงกันเพื่อขยายระยะเวลาไถ่ถอนได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 ปี   นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝากครั้งแรก รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายสัญญาขายฝาก: เงื่อนไข: – ผู้ขายฝากและผู้ซื้อฝาก ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร – ระยะเวลาไถ่ถอนรวม ไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝากครั้งแรก – ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้ง ในการขยายระยะเวลาไถ่ถอน แต่ละครั้งต้องไม่เกิน 10 ปี ขั้นตอน: – ผู้ขายฝากติดต่อผู้ซื้อฝาก เพื่อแจ้งความประสงค์ขอขยายสัญญา – ตกลงกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนใหม่ เป็นลายลักษณ์อักษร – ทำสัญญาขยายระยะเวลาไถ่ถอน เป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย […]

อ่านเพิ่มเติม