16
Mar 24

โฉนดที่ดินเป็นเอกสารราชการที่ข้อมูลระบุไว้อย่างละเอียด ซึ่งทำให้เราสามารถทราบถึงข้อมูลต่างๆ
เช่น เจ้าของกรรมสิทธิ์, ตำแหน่งที่ตั้งที่ดิน, ขนาดที่ดิน, รูปแผนที่ของที่ดิน, สภาพที่ดินโดยคร่าว,
ขนาดหน้ากว้างที่ดิน, นิติกรรมต่างๆที่เคยจดทะเบียน รวมไปถึงข้อจำกัดของที่ดินแปลงนี้
หากรู้ วิธีอ่านโฉนดที่ดิน อ่านโฉนดอย่างรอบครอบจะช่วยลดความเสียหายในการทำนิติกรรมต่างๆกับที่ดิน
เช่นการซื้อขายที่ดินแล้วชำระราคาให้แก่บุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ, หรือทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินผิดแปลง,
การซื้อที่ดินที่ติดข้อจำกัดต่าง หรือแม้กระทั้งซื้อที่ดินตาบอด ดังนั้นการอ่านโฉนดเป็นจึงมีประโยชน์มาก
เรามาดู วิธีอ่านโฉนดที่ดิน กันเลยดีกว่าค่ะ

บนโฉนดที่ดิน บอกอะไรบ้าง

1.ครุฑ
ครุฑในเอกสารสิทธินั้นมีหลายสี ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงประเภทของเอกสารสิทธิ รวมไปถึงสิทธิที่พึงจะมีในที่ดินแปลงดังกล่าว (https://property4cash.co/articles/1325/)

  1. ข้อมูลเฉพาะของที่ดิน แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ประกอบด้วย

ฝั่งบนด้านซ้าย ตำแหน่งที่ดิน
– ระวางที่ดิน เป็นการระบุหมายเลขแผ่นของระวางแผนที่ ว่าที่ดินอยู่บนระวางแผนที่แผ่นไหน
โดยสำนักงานที่ดินจะมีระวางที่ดิน ซึ่งเป็นแผนที่ของที่ดินทุกแปลงเทียบอยู่บนแผนที่ทางอากาศ
ทำให้สามารถทราบได้ว่าที่ดินนั้นมีเขตติดต่อกับที่ดินแปลงใด มีทางออกสู่ถนนหรือคลองสาธารณะหรือไม่
– เลขที่ดิน  เป็นหมายเลขซึ่งใช้ระบุที่ดินแต่ละแปลงในระวางที่ดิน
– หน้าสำรวจ  เป็นตัวเลขที่แสดงลำดับการออกสำรวจจัดทำโฉนดที่ดินในแต่ละตำบล หมายเลข
หน้าสำรวจนี้จะใช้ประกอบการค้นหาข้อมูลของเจ้าพนักงานที่ดิน
– ตำบล ใช้ระบุตำบลที่ที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่

ฝั่งบนด้านขวา โฉนดที่ดิน
– เลขที่ เปรียบเสมือนเลขประจำตัวของที่ดินแปลงนั้นๆ ใช้ระบุแปลงที่ดิน
และใช้เป็นเลขอ้างอิงในการทำธุรกรรมหรือนิติกรรมต่างๆ
– เล่ม และหน้า เป็นการระบุเล่มและแฟ้มในการจัดเก็บโฉนดที่ดินคู่ฉบับที่ถูกเก็บไว้ ณ สำนักงานที่ดิน
– อำเภอ ใช้ระบุอำเภอที่ที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่
– จังหวัด ใช้ระบุจังหวัดที่ที่ดินแปลงนั้นตั้งอยู่

  1. โฉนดที่ดิน ตำแหน่งกลางด้านบน
    3.1 ส่วนนี้จะเป็นข้อมูลชื่อ ที่อยู่ ของเจ้าของโฉนดคนแรกที่ทางราชการได้ออกโฉนดให้
    เน้นย้ำชื่อตรงนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในปัจจุบัน
    (ชื่อเจ้าของคนปัจจุบันจะอยู่ด้านหลังโฉนดตรงสารบัญจดทะเบียน)
    3.2 ที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ประมาณ………ไร่…….งาน…………ตารางวา เป็นการระบุขนาดของที่ดิน
    ณ วันที่ออกโฉนดที่ดินแปลงนั้น ทั้งนี้ขนาดของที่ดินอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากการแบ่งแยกแปลงที่ดินในภายหลัง
  2. รูปแผนที่ ตำแหน่งกลาง ตรงจุดนี้ที่จะต้องดูมีทั้งหมด
    4.1 มาตราส่วนในระวาง เป็นการระบุมาตราส่วนของรูปแผนที่ที่ถูกแสดงในระวางที่ดิน
    4.2 มาตราส่วน เป็นการระบุมาตราส่วนของรูปแผนที่ที่ถูกแสดงในโฉนดที่ดิน
    4.3 สัญลักษณ์ทิศเหนือ เป็นการระบุทิศเหนือเพื่อใช้ในการดูทิศของรูปแผนที่
    4.4 เลขที่ดินข้างเคลียง ใช้เพื่ออ้างอิงว่าที่ดินซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของตามโฉนดที่ดินฉบับนี้คือที่ดินแปลงใด
    4.5 เลขที่ดิน ใช้เพื่อระบุที่ดินแปลงที่ดินตามโฉนดที่ดินฉบับนี้ จะสังเกตได้ว่าเลขที่ดินซึ่งเป็นเลขที่ดินตามโฉนดฉบับนี้จะแสดงอยู่ในกรอบเส้นที่แสดงขอบเขตที่ดิน
    4.6 ทางสาธารณะประโยชน์ หรือลำรางสาธารณะประโยชน์  ใช้ระบุว่าที่ดินของตามโฉนดที่ดินฉบับนี้ติดกับทางสาธารณะประโยชน์ หรือลำรางสาธารณะประโยชน์ จากขอบเขตที่ดินในด้านใดบ้าง
    4.7 หมายเลขหมุดเลขที่ดิน ใช้ในการอ้างอิงหมุดเขตที่ดินที่ถูกฝังลงในแปลงที่ดินจริงๆ โดยหมุดเขตที่ถูกฝั่งในแปลงที่ดินจริงจะเป็นตัวกำหนดอาณาเขตที่ดินแปลงนั้น ทั้งนี้หมุดที่ดินในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 รูปแบบคือ แบบแท่งคอนกรีต กับแบบแผ่นทองเหลือง
  3. วันที่ออกโฉนด
    เป็นการระบุวันที่ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้ออกเอกสารสิทธินี้ เราจึงสามารถคำนวนอายุของที่ดินแปลงนี้ได้ว่าได้ถูกออกโฉนดมานานเท่าไหร่แล้ว

วิธีอ่านโฉนดที่ดิน ฉบับมือโปร ดูให้ชัดแต่ละจุดหมายถึงอะไร

หลังจากดูโฉนดที่ดินด้านหน้าแล้ว มาต่อกันที่ด้านหลังของโฉนดที่ดินกันเลยค่ะ
ด้านหลังของโฉนดที่ดินจะมีข้อมูลที่เรียกว่า “สารบัญการจดทะเบียน”
ซึ่งการทำนิติกรรมใดๆกับอสังหาริมทรัพย์นั้นกฎหมายระบุให้ต้องทำการจดทะเบียน ณ สำนักงานที่ดิน
หากไม่ทำการจดทะเบียนจะถือว่านิติกรรมนั้นๆเป็นโมฆะ ไม่สามารถบังคับแก่กันได้
เมื่อคุณทำการจดทะเบียนนิติกรรมใดๆกั บเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นซื้อขาย ให้ โอนมรดก
จำนอง ขายฝาก จดภาระจำยอมฯ เจ้าหน้าที่จะของโฉนดที่ดินของคุณไปทำการสลักหลังนิติกรรม
ที่ได้จดทะเบียนในวันนั้นๆ ดังนั้นหากคุณต้องการทราบว่าที่ดินแปลงนี้เคยถูกจดทะเบียนนิติกรรมอะไรมาบ้าง
แล้วก็สามารถอ่านดูจากหลังโฉนดได้เลยค่ะ

โดยจะต้องดูทั้งหมด 9 ส่วนได้แก่

  1. จดทะเบียน วัน เดือน ปี
    เป็นวันที่ที่ทำนิติกรรมนั้นๆ ณ สำนักงานที่ดิน
  2. ประเภทการจดทะเบียน
    ระบุประเภทนิติกรรมที่มาทำ ณ สำนักงานที่ดินในวันนั้นๆ อาทิเช่น ซื้อ, ขาย, ปลอดจำนอง, จำนอง, การให้, โอนมรดก, ภาระจำยอม เป็นต้น
  3. ผู้ให้สัญญา
    คือ ผู้ที่มาทำการจดให้ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมนั่นเอง
  4. ผู้รับสัญญา
    คือ ผู้ที่มารับสัญญาต่อ หรืออาจกล่าวได้ว่า คือเจ้าของกรรมสิทธิ์คนใหม่
  5. เนื้อที่ดินตามสัญญา เป็นเนื้อที่ดินตามโฉนด ในการทำนิติกรรมสัญญาในวันนั้น
  6. เนื้อที่ดินคงเหลือ
  7. เป็นพื้นที่ที่ดินในโฉนด หน่วยเป็นไร่ งาน ตารางวา ซึ่งเป็นพื้นที่ดินคงเหลือของโฉนดแปลงนี้ในปัจจุบัน ณ วันทำสัญญา
  8. เจ้าพนักงานที่ดินลงลายมือชื่อ ประทับตรา
    ในการทำนิติกรรมสัญญาในแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่รับเรื่องจะต้องลงชื่อและประทับตราราชการระบุไว้ทุกครั้ง
  9. มีใบต่อแผ่นที่….
    ในกรณีที่โฉนดที่ดิน มีการโอน/เปลี่ยนชื่อผู้ถือครอง มาหลายครั้งแล้ว หน้าสารบัญจดทะเบียน
    มีการจดทะเบียนหลายครั้ง อาจทำให้จดทะเบียนไม่เพียงพอให้หน้าเดี่ยว จะมีการเพิ่มหน้าจดทะเบียนไปอีก
    ซึ่งจะมีการระบุเลขหน้าที่ตำแหน่งนี้

ทั้งหมดนี้คือการอ่านโฉนดที่ดินทั้งหมดค่ะ อาจจะดูเยอะ และละเอียดไปนิดหน่อย แต่หากเราตรวจสอบดูอย่างรอบคอบแลระมัดระวังแล้ว รับรองได้เลยค่ะว่าไม่มีปัญหาตามมาแน่นอน

—————————————————-

สนใจจำนอง-ขายฝาก หรือปรึกษาปัญหา ติดต่อเราได้ทาง

Line: @Property4Cash
โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash
ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficia

 

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร?
21
Jan 25
เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร?

เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร? แม้ว่า… การขายฝาก กับการกู้เงิน จะเป็นวิธีการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินที่นิยม แต่ทั้งสองแบบนี้ มีข้อกำหนด เงื่อนไข และผลกระทบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในบทความนี้ เราได้สรุปมาให้คุณได้เข้าใจง่ายๆ แล้ว…  เปรียบเทียบความแตกต่าง ขายฝาก กับ การกู้เงิน การขายฝาก คือ การขายทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน หรืออาคาร ให้กับผู้รับซื้อฝาก โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ขายฝาก สามารถซื้อทรัพย์สินคืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ไม่เกิน 10 ปีตามกฎหมายกำหนด ตัวอย่างทรัพย์ที่ขายฝากได้: บ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงงาน โกดัง กระเป๋า รองเท้า หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จุดประสงค์ คือ เพื่อใช้ทรัพย์สินเป็นเครื่องมือในการคำประกัน หรือระดมเงินทุน การกู้ โดยในบทความนี้จะเปรียบเทียบการกู้เงินจากธนาคาร การกู้ เงินจากธนาคารเป็นการยื่นขอเงินกู้ โดยใช้ทรัพย์สิน เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน หรือทรัพย์อื่นๆ เป็นหลักประกัน(จำนอง) หรือในบางกรณีใช้เอกสารยืนยันรายได้ เพื่อขอสินเชื่อส่วนบุคคล ตัวอย่างทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน: บ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงงาน โกดัง หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จ […]

อ่านเพิ่มเติม
การ ประเมินราคาทรัพย์สิน “สำคัญ” กับ การทำขายฝาก อย่างไร?
4
Mar 25
การประเมินราคาทรัพย์สิน “สำคัญ” กับ การทำขายฝาก อย่างไร?

รู้ไว้ จะได้ไม่โดนเอาเปรียบ! การ ประเมินราคาทรัพย์สิน “สำคัญ” กับ การทำขายฝาก อย่างไร?   ในวงการอสังหาริมทรัพย์ “การประเมินราคาทรัพย์สิน” คือ กุญแจสำคัญ ที่ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจะไม่มีวันมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง การทำขายฝาก เพราะการประเมินที่ถูกต้องและแม่นยำไม่เพียงช่วยให้คุณไม่เสียเปรียบ แต่ยังปกป้องผลประโยชน์ในระยะยาว ทั้งสำหรับผู้ขายฝากและผู้รับซื้อฝาก ก่อนอื่น ต้องรู้กันก่อนว่า… การ ประเมินราคาทรัพย์สิน คืออะไร? การประเมินทรัพย์สิน คือ การวิเคราะห์และประเมิน มูลค่าที่เหมาะสม ของทรัพย์สิน ณ ขณะนั้น    การจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรม ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น สภาพทรัพย์สิน, ทำเลที่ตั้ง, ราคาตลาด ณ ขณะนั้น รวมถึง ปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาประเมินจากกรมธนารักษ์ สภาพเศรษฐกิจ หรือ แนวโน้มการพัฒนาในอนาคต   ทำไมต้องประเมินราคาทรัพย์สินก่อนทำการขายฝาก? เพราะการประเมินราคาที่ถูกต้องและเป็นธรรมจะช่วยให้คุณ “ไม่เสียเปรียบ” และ “ช่วยลดความเสี่ยง” ซึ่งหากมีการประเมินราคาทรัพย์ในราคาที่ต่ำเกินไป อาจเสี่ยง! ที่จะได้วงเงินอนุมัติน้อย ไม่ตรง […]

อ่านเพิ่มเติม
ใครอยากเศรษฐี ฉันหน่ะสิ ฉันหน่ะสิ! แล้วต้องลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้างนะ?
25
Feb 25
ใครอยากเศรษฐี ฉันหน่ะสิ ฉันหน่ะสิ! แล้วต้องลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้างนะ?

ใครอยากเป็นเศรษฐี ฉันหน่ะสิ ฉันหน่ะสิ! แล้ว… เศรษฐีลงทุนในสินทรัพย์อะไร?    เคยสงสัยไหมว่า… มหาเศรษฐีที่รวยอันดับต้นๆ ของโลก จากการจัดการการเงิน โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนของพวกเขาอย่างไร? ข้อมูลนี้ Property4Cash ไปหยิบยกมาจาก Knight Frank ที่เผยแพร่รายงาน Wealth Report ประจำปี 2023 เกี่ยวกับการเงินของบุคคลที่มีความมั่งคั่งสุทธิสูงพิเศษ (UHNWIs) ซึ่งมีความมั่งคั่งรวมกันกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์    และวิธีที่คนรวยที่สุดในโลก เก็บเงินสะสมความมั่งคั่งของพวกเขา โดยสินทรัพย์แต่ละประเภทคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอ (ยอดรวมจะมากกว่า 100% จากการปัดเศษตามรายงานของ Knight Frank)   อันดับที่ 1 คือ หุ้น เศรษฐี ลงในหุ้นสูงถึง 26% บุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ลงทุนในตราสารทุน หรือหุ้นเฉลี่ย 26% ของพอร์จโฟลิโอของพวกเขา โดยในอเมริกา สัดส่วนดังกล่าวสูงถึง 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุนเฉลี่ย และจากข้อมูลรายงานประจำปี 2022 Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ใช้เงินซื้อหุ้นถึง 6.8 หมื่นล้านเหรียญ   อันดับที่ 2 คือ อสังหาริมทรัพย์ เพื่อการพาณิชย์ คิดเฉลี่ยได้ที่ 34%  โดย 21% เป็นการลงทุ […]

อ่านเพิ่มเติม