กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ฉุดกำลังซื้อ กระทบอสังหาฯ ไทยหรือไม่?
13
May 25

          กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา กระทบหนี้ครัวเรือน เศรษฐกิจโตช้า และเป็นกับดัก ฉุดรั้งกำลังซื้ออสังหาในไทยหรือไม่?

          ในปี 2024–2025 ประเด็น “กำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา” หรือ U.S. Trade Tariffs ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้แรงกดดันจากสงครามการค้ากับจีนและนโยบายปกป้องภาคการผลิตภายในประเทศ อาจมีการ ปรับเพิ่มภาษีนำเข้า สินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง รถยนต์ไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้างบางชนิด

          หลายคนตั้งคำถามว่า… เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเศรษฐกิจไทย? และจะกระทบกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเราหรือไม่? บทความนี้ Property4Cash เงินด่วนอสังหาได้สรุปให้ชัดๆ แบบเข้าใจง่าย ดังนี้

1.กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา กระทบเศรษฐกิจโลกอย่างไร?

         มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน สูงขึ้นทันที

               ➡️ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain) ชะงัก

               ➡️ ต้นทุนสินค้าขยับสูงขึ้นทั่วโลก

               ➡️ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีภาระจ่ายเพิ่ม ขณะที่รายได้ไม่เพิ่มตาม

ผลที่ตามมา คือ กำลังซื้อในสหรัฐฯ ลดลง การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศชะลอตัว ประเทศผู้ส่งออก (รวมถึงไทย) ได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อลดลง

 

2. หนี้ครัวเรือนในสหรัฐฯ พุ่ง กดดันการใช้จ่าย 

         ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หนี้บัตรเครดิตของชาวอเมริกัน แตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ดอกเบี้ยปรับขึ้น ทำให้ภาระผ่อนรายเดือนสูงขึ้นตาม เมื่อมีภาระหนี้มากขึ้น การจับจ่ายโดยรวมลดลง รวมถึงการลงทุนหรือการซื้ออสังหาฯ ในต่างประเทศก็อาจถูก “เบรกไว้ก่อน”

กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ฉุดกำลังซื้อ กระทบอสังหาฯ ไทยหรือไม่?

3. ส่งผลอย่างไรกับภาคอสังหาในไทย?

         แม้ตลาดอสังหาฯ ในไทยจะมีผู้ซื้อหลักเป็นคนไทย แต่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจาก จีน, ฮ่องกง และสหรัฐฯ ก็มีสัดส่วนไม่น้อย โดยเฉพาะในโครงการคอนโดในกรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต หากกำแพงภาษีทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว

               👉 ความเชื่อมั่นผู้ซื้อก็จะลดลง

               👉 นักลงทุนอาจ “เลื่อน” หรือ “ชะลอ” แผนซื้ออสังหาในต่างประเทศ

               👉 รวมถึงไทยเองก็อาจถูกฉุดในแง่ของยอดโอนคอนโดจากต่างชาติ

 

4. กับดักเศรษฐกิจที่ซ้อนกัน ไทยต้องจับตา

         ในขณะที่สหรัฐฯ สู้กับเงินเฟ้อและหนี้ครัวเรือน ประเทศไทยเองก็เผชิญ หนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในอาเซียน การบริโภคภายในอ่อนแรง ราคาสินค้าและดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง ทั้งหมดนี้เมื่อรวมกัน กลายเป็น “กับดักเศรษฐกิจซ้อนเศรษฐกิจ” ที่อาจฉุดรั้งกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงภาคอสังหาฯ ในไทย

 

         สรุปส่งท้าย กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ส่งผลโดยอ้อม แต่ไม่ควรมองข้ามกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ แล้วส่งผล โดยอ้อม ต่อเศรษฐกิจโลก ห่วงโซ่อุปทาน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และสุดท้ายกระทบถึง “อสังหาฯ ในไทย” โดยเฉพาะตลาดนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น ทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการควรจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในปี 2568 นี้ด้วย…

 


Property4Cash ยินดีให้คำปรึกษาและช่วยเพิ่มทุนให้กับทุกคนที่ต้องการเงินด่วน และต้องการเงินเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ ไม่เช็คแบล็คลิส ไม่เช็คเครดิตบูโร

อนุมัติรวดเร็วทันใจ นึกถึง ขายฝากจำนอง นึกถึง Property4Cash

Line: @Property4Cash

โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash

ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร?
21
Jan 25
เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร?

เปรียบเทียบ ขายฝาก กับ การกู้เงินต่างกันอย่างไร? แม้ว่า… การขายฝาก กับการกู้เงิน จะเป็นวิธีการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินที่นิยม แต่ทั้งสองแบบนี้ มีข้อกำหนด เงื่อนไข และผลกระทบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในบทความนี้ เราได้สรุปมาให้คุณได้เข้าใจง่ายๆ แล้ว…  เปรียบเทียบความแตกต่าง ขายฝาก กับ การกู้เงิน การขายฝาก คือ การขายทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน บ้าน หรืออาคาร ให้กับผู้รับซื้อฝาก โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ขายฝาก สามารถซื้อทรัพย์สินคืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ไม่เกิน 10 ปีตามกฎหมายกำหนด ตัวอย่างทรัพย์ที่ขายฝากได้: บ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงงาน โกดัง กระเป๋า รองเท้า หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จุดประสงค์ คือ เพื่อใช้ทรัพย์สินเป็นเครื่องมือในการคำประกัน หรือระดมเงินทุน การกู้ โดยในบทความนี้จะเปรียบเทียบการกู้เงินจากธนาคาร การกู้ เงินจากธนาคารเป็นการยื่นขอเงินกู้ โดยใช้ทรัพย์สิน เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน หรือทรัพย์อื่นๆ เป็นหลักประกัน(จำนอง) หรือในบางกรณีใช้เอกสารยืนยันรายได้ เพื่อขอสินเชื่อส่วนบุคคล ตัวอย่างทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน: บ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ โรงงาน โกดัง หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จ […]

อ่านเพิ่มเติม
3 กลโกงขายฝาก ที่ควรระวัง (พร้อมวิธีป้องกัน)
5
Apr 23
3 กลโกงขายฝาก ที่ควรระวัง (พร้อมวิธีป้องกัน)

กลโกงขายฝาก ที่ควรระวัง ขึ้นชื่อว่า “การโกง” นั้น นับว่าเป็นอะไรที่อยู่คู่สังคมมนุษย์มาอย่างยาวนาน เป็นปัญหาที่ลุกลามไปทั่วทุกวงการ รวมไปถึงวงการ “ขายฝาก” เองนั้น ก็เป็นหนึ่งในการทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินที่มักจะมีปัญหาโดนโกงด้วยวิธีต่างๆ มากมาย จนทำให้เจ้าของบ้านน้ำตาตกในกันมานักต่อนัก พาลทำให้หลายๆ คน ไม่กล้าที่จะทำสัญญาขายฝาก เพราะกลัวว่าจะต้องเสียทรัพย์ เสียบ้าน เสียที่ดินสุดรักสุดหวงไป จะดีกว่าหรือไม่..? ถ้ารู้เท่าทัน กลโกงขายฝาก ต่างๆ พร้อมวิธีป้องกัน เพื่อที่เราจะได้ขายฝากอย่างสบายใจ นำเงินไปใช้ยามฉุกเฉิน ยามจำเป็น โดยไม่ต้องกังวลว่าเวลาผ่านไป จะมีวิกฤตใหม่เข้ามาทำให้ชีวิตต้องทุกข์ทรมาน นัดไถ่ถอน แต่ติดต่อนายทุนไม่ได้! สัญญาขายฝากนั้น เป็นสัญญาที่มีการกำหนดไว้ว่า “ผู้ขายฝาก” หรือเจ้าของทรัพย์ สามารถนำเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยมาไถ่ถอนตามเวลาที่กำหนดในระยะสัญญาได้ ซึ่งจะทำให้สิทธิในการครอบครองทรัพย์สินนั้นๆ กลับคืนสู่เจ้าของเดิมผู้ขายฝาก แต่หากไม่มาไถ่ถอนตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วล่ะก็ อสังหาริมทรัพย์ที่เรานำมาขายฝากนั้น ก็จะตกเป็นของนายทุนทันทีโดยไม่ต้องขึ้นศาลฟ้องร้องกันแต่อย่างใด   […]

อ่านเพิ่มเติม
20
Jul 24
ผู้ขายฝากไม่มีเงินมาไถ่ถอน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของใคร?

สัญญาขายฝาก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเงินทุน แต่ยังต้องการคงไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า สัญญาขายฝากนั้นเหมือนกับการจำนองที่ดิน แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่ตามมาหากผู้ขายฝากไม่มีเงินมาไถ่ถอนที่ดินภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา วันนี้  เราจะมาไขข้อข้องใจ  “กรณีผู้ขายฝากไม่มีเงินมา ไถ่ถอน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของใคร?”  พร้อมเจาะลึกประเด็นน่าสนใจ  “เกี่ยวกับสัญญาขายฝาก กันค่ะ   เมื่อผู้ขายฝากไม่มีเงินมาไถ่ถอนที่ดิน กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะตกเป็นของ “ผู้รับขายฝาก” โดยไม่ต้องดำเนินการฟ้องร้องใดๆ เพิ่มเติม ต่างจากการจำนอง ที่ผู้รับจำนองจะต้องฟ้องร้องต่อศาล เพื่อบังคับคดีก่อน จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ทั้งนี้ สิทธิ์ของผู้ขายฝากที่จะไถ่ถอนที่ดินนั้น  จะมีระยะเวลา “ไม่เกิน 10 ปี”  นับตั้งแต่วันทำสัญญาขายฝาก  ซึ่งระยะเวลานี้  สามารถตกลงกัน  “ให้สั้นลงหรือยาวนานขึ้นได้”  แต่ไม่เกิน 10 ปี อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังมีช่องทางช่วยเหลือผู้ขายฝาก  “กรณีพิเศษ”  ดังนี้       R […]

อ่านเพิ่มเติม