24
Nov 23

หากใครต้องการใช้เงินด่วน แต่ไม่อยากนำทรัพย์สินไปขายขาด
สำหรับคนที่มีที่ดินและบ้านไว้ครอบครอง “การขายฝาก” จึงเป็นทางเลือกที่ดี
วิธีนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ตรวจสอบเครดิตบูโร หรือรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร (Statement)
สามารถไถ่คืนที่ดินได้ และยังใช้ประโยชน์ในที่ดินต่อไปได้อีกด้วย

“การขายฝาก” เป็นการทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินประเภทหนึ่ง
โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับซื้อทันทีเมื่อมีการทำสัญญาเกิดขึ้น
ซึ่งมีข้อตกลงกันว่า ผู้ขายฝากสามารถไถ่ทรัพย์สินนั้นคืนได้ในเวลาที่ตกลงกันตามกฎหมาย

เพราะฉะนั้นในการทำสัญญาทุกครั้ง จะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ระบุในสัญญา
ข้อควรระวังต่างๆ ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกัน จะได้ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นภายหลังกันค่ะ

ข้อควรรู้ก่อนตกลงทำสัญญาขายฝาก มีดังนี้

  1. ผู้ขายฝากจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อฝากทันทีในวันที่ทำสัญญา

เมื่อขายฝากไปแล้วกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้ซื้อฝาก
โดยมีข้อตกลงกันว่า ผู้ขายฝากสามารถไถ่ทรัพย์สินนั้นคืนได้ในเวลาที่ตกลงกันตามกฎหมาย

  1. การทำสัญญาจะต้องทำต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน ณ กรมที่ดินเท่านั้น

ในการทำสัญญาขายฝากที่ดินจะต้องทำเป็นหนังสือ
และมีการจดทะเบียนต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินเท่านั้น
โดยจะต้องระบุว่าเป็นการขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือการขายฝากที่อยู่อาศัย

  1. อัตราดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทนสูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี

ผู้ซื้อฝากจะได้รับประโยชน์เป็นค่าตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี
และจะได้รับเงินต้นคืนทันทีเมื่อมีการไถ่ถอน

 

  1. ผู้ขายฝากสามารถไถ่ที่ดินคืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา

ผู้ขายฝากจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ซื้อฝาก จนกว่าผู้ขายฝากจะมีเงินต้นมาไถ่ถอนที่ดินคืนได้
ตามระยะเวลากำหนดภายในสัญญา เช่น
Ex. นาย ก. ตัดสินใจไปขายฝากที่ดินกับผู้ซื้อฝาก โดยมีข้อตกลงในสัญญาขายฝากที่ดิน
ให้นาย ก. จะต้องจ่ายดอกเบี้ยกับผู้ซื้อฝาก จนกว่านาย ก. จะสามารถมาไถ่คืนที่ดินแปลงนี้
ได้ในระยะเวลากำหนดภายใน 1 ปี นับตั้งแต่ทำสัญญาขายฝาก

  1. หากครบสัญญาแล้วผู้ขายฝากยังไม่พร้อมไถ่คืน
    สามารถขอต่อสัญญาได้จนกว่าจะครบตามที่กฎหมายกำหนด

โดยส่วนใหญ่ในสัญญาจะกำหนดไม่เกิน 1 ปี
หากครบกำหนดสัญญาแล้ว ผู้ขายฝากยังไม่สามารถไถ่ถอนที่ดินได้
ตามกฎหมายระยะเวลาในการไถ่ถอนสูงสุดไม่เกิน 10 ปี
สามารถขอเจรจาขยายเวลาออกไปเพื่อต่อสัญญาได้จนกว่าจะครบตามที่กฎหมายกำหนด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา จะต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน
ยิ่งเป็นเรื่องของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นยิ่งต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดอย่างแม่นยำ
โดยสามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการขายฝากโดยตรง
และต้องเลือกบริษัทขายฝากที่มีความน่าเชื่อมากๆ ที่มีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
มีที่ตั้งสำนักงานชัดเจนตรวจสอบได้ และบริหารจัดการอย่างมืออาชีพมาดูแลตลอดจนครบกำหนดสัญญาด้วยนะคะ

 

—————————————————–

สนใจจำนอง-ขายฝาก หรือปรึกษาปัญหา ติดต่อเราได้ทาง

Line: @Property4Cash
โทร : 0968135989

หรือส่งรายละเอียดทรัพย์มาได้ที่ https://property4cash.co/post-property/

นึกถึงขายฝาก.. นึกถึง Property 4 Cash
ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติเร็ว ถูกกฎหมาย 100%

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://property4cash.co/articles/

หรือ https://facebook.com/propertyforcashofficial

ลงทะเบียนเป็นนักลงทุน

กรุณากรอก ชื่อ
กรุณากรอก นามสกุล
กรุณากรอก เบอร์โทรศัพท์
กรุณากรอก LINE ID
กรุณากรอก อีเมล
บาท
please verify you are human

บทความเเละข่าวสารแนะนำ

ค่าโอน
30
Dec 22
ไอ้หยา~ ค่าโอนอสังหาฯ ปีหน้า แพงขึ้น 100 เท่า!!

ถึงกับต้องร้องเสียงหลงกันว่า ไอ้หยา~ เมื่อ ค่าโอน อสังหาฯ ปีหน้า แพงขึ้นถึง 100 เท่า!! หลังมีมิติ ครม. ออกมาว่า ในปี 2566 นี้ จะมีมาตรการช่วยเหลือลดค่าโอนให้เพียง 1% เท่านั้น เทียบจากปี 2565 ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการช่วยเหลือตรงนี้ เสียค่าโอนกันเพียงแค่ 0.01% จากปกติ 2% เท่านั้นเอง จากข่าวที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เห็นชอบมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ด้วยมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยปี 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้ ลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1%  ลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01%  สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ และห้องชุด (คอนโด) ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2 เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา (แหล่งที่มาข่าว https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/62863) หมายความว่า.. หากเราจะซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท  จากเดิมปี 2565 เราจะเสียค่าโอน 0.01% หรือ 300 บาท เพียงเท่านั้น แต่ในป […]

อ่านเพิ่มเติม
15
Mar 23
เคล็ดไม่ลับจาก P4C จำนองบ้านไว้ ขายได้ค่อยไถ่ถอนคืน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังต้องการขายบ้าน แต่ยังหาผู้ซื้อไม่ได้สักที และคุณเกิดจำเป็นต้องใช้เงินก้อน แบบด่วนจี๋ตอนนี้ทันที จำนองบ้าน เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยคุณให้พ้นวิกฤตทางการเงินได้ โดยที่ไม่ต้องตัดใจ ตัดราคาขายบ้านให้ถูกลงเพื่อให้มีคนซื้อไวๆ และเมื่อใดก็ตามที่มีคนมาสนใจซื้อบ้านคุณแล้ว ค่อยนำเงินก้อนนั้นมาไถ่ถอนจำนองคืนไป บางท่านอาจจะสงสัยว่า ในเมื่อจะขายอยู่แล้ว เรามาเสียเงินจ่ายดอกเบี้ยทำไมทุกเดือนๆ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ดูกัน.. ข้อดีของการจำนองบ้าน ไว้ก่อน ขายได้ค่อยมาไถ่ถอนทีหลัง วันนี้เรามีเคสมาเล่าให้ฟัง มีลูกค้าท่านนึง ประกาศขายบ้านมา 6 เดือนแล้ว แต่ยังขายไม่ได้สักที มีคนเข้ามาดูบ้านมากหน้าหลายตา มีทั้งคนที่สนใจและไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่มีใครติดต่อขอซื้อแบบจริงจัง ครั้นจะมีคนมาซื้อก็ติดปัญหากู้แบงค์ไม่ผ่าน ทำให้บ้านยังเป็นของเราเหมือนเดิมไม่ไปไหน เมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตเจ้ากรรมดันจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ มีเวลาหาเงินก้อนนี้เพียงแค่ไม่กี่วัน จะขายบ้านตอนนี้ก็ไม่ทันการ จะตัดใจขายในราคาที่ต่ำกว่าปกติทำใจไม่ได้ จะกู้แบงค์ก็มีขั้นตอน มีเอกสารที่ต้องเตรียมการ ต้องใช้เวลามากมาย สุดท้ายเลย […]

อ่านเพิ่มเติม
คอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ ทำได้หรือไม่?
20
Jul 23
อยากซื้อคอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ ทำได้หรือไม่?

การซื้อ คอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ เป็นหนึ่งในทางออกสำหรับ เจ้าของคอนโดที่อยากจะขาย และมีคนที่อยากซื้อ แต่กู้ไม่ผ่าน แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่? และอะไรที่จะรับประกันการซื้อขายครั้งนี้ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนได้หายสงสัยกันค่ะ การซื้อคอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของ จะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างเจ้าของกับผู้ซื้อ ซึ่งจะไม่ผ่านตัวกลางที่เป็นสถาบันการเงินใดๆ อย่างเช่นธนาคาร ดังนั้นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ หากใครเป็นเจ้าของคอนโดที่ขายด้วยวิธีนี้ จะต้องทำใจว่าตนเองจะไม่ได้รับเงินก้อนเต็มจำนวนทันทีที่การตกลงซื้อขายสำเร็จ อันนี้คือความต่างข้อแรกที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ขายหรือเจ้าของคอนโดนั่นเอง แต่หากมองในฝั่งของผู้ซื้อก็คงไม่มีความแตกต่างใด ๆ เพราะไม่ว่าจะด้วยวิธีใดผู้ซื้อก็ต้องมานั่งผ่อนจ่ายเป็นงวด ๆ อยู่ดี แต่ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่เมื่อผ่อนชำระครบแล้ว เจ้าของจะไม่ยินยอมโอนกรรมสิทธิ์ให้ ดังนั้นสิ่งสำคัญของการซื้อคอนโดผ่อนตรงกับเจ้าของก็คือ “สัญญาเช่าซื้อ” ซึ่งจะเป็นเอกสารที่มีลายลักษณ์อักษรที่สามารถยืนยันและเป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ โดยในการซื้อขายจะต้องทำสัญญาเช่าซื้อขึ้นมา เพื่อใช้เป็ […]

อ่านเพิ่มเติม